ตามด้วย“ฟิ่ว——”เสียงนึง ลูกดอกได้พุ่งไปที่กระดานปาเป้าอย่างไว
กระดานปาเป้าหมุนติ้วๆ ญาธิดาหลับตาไว้แน่นไม่กล้าขยับ
เห็นลูกดอกกำลังจะพุ่งไปที่แขนของเธอ
ตึก!
ลูกดอกปักอยู่บนกระดานปาเป้า ปลายลูกดอกสั่นเบาๆ ห่างจากแขนของเธอไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
ญาธิดาได้ยินข้างกายมีเสียงหายใจหอบดังขึ้น ทีนี้ถึงค่อยๆลืมตาขึ้น
ลูกดอกๆสุดท้าย ได้หลบเลี่ยงเธอไปอย่างเพอร์เฟค ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บเลยสักนิด!
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างค่อนข้างดีใจ เห็นแววตาคมเข้มแวววาวของผู้ชายแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่มั่นคง ความรู้สึกไว้วางใจ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้สัมผัสจากคนอื่นมาก่อน
เห็นญาธิดามองมาที่เขา ภวินท์เก็บความเย็นชาในแววตาไว้ นานๆทีจะมองหน้ากับเธอด้วยความอ่อนโยน
ในขณะนี้เอง จู่ๆลูกน้องคนนึงได้วิ่งเข้ามาหาเคแล้วกระซิบที่ข้างหูเขา
ผ่านไปไม่กี่วิ แววตาของเคเปลี่ยนไป เขาเงยหน้ามองไปที่ภวินท์ด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นได้โบกมือให้ลูกน้องคนนั้นถอยไป
เขาเดินไปข้างหน้า สีหน้าที่เดิมทีเย็นชาได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนเมา จากนั้นได้แสยะยิ้มมุมปาก แล้วยกมือขึ้นมาปรบมือให้ภวินท์ “เยี่ยม!ปาได้ดีมาก ฉันเลื่อมใสจริงๆ!”
เผชิญกับคำเยินยอของเขา สีหน้าของภวินท์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แค่หันไปมองเขาอย่างเย็นชาแวบนึง
รอยยิ้มของเคไม่ได้ออกมาจากใจ หลังจากปรบมือไปหลายที ได้คว้าลูกดอกที่อยู่บนถาดขึ้นมาดอกนึง จากนั้นได้เดินไปหาภวินท์ด้วยพร้อมหัวเราะไปด้วย “ดูท่านายนี่น้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ ซ่อนได้ลึกจริงๆ!”
น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังล้อเล่น ในมือเล่นลูกดอกไปมา เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ไม่รอให้ภวินท์ตอบ เขาก็ได้หยิบลูกดอกขึ้นมาเล็งแล้ว หลับตาลงข้างนึง ทำท่าเล็งญาธิดาที่อยู่บนกระดานปาเป้า
เคเล็งไปด้วย และพูดน้ำเสียงชิวๆไปด้วย “ก็ไม่รู้ว่าฉันจะปาโดนหรือเปล่านะ?”
แววตาของภวินท์ตึงเครียด เขาได้ยื่นมือออกมาจับปลายแหลมของลูกดอกเอาไว้อย่างไม่ลังเล คอยขัดขวางท่าทางของเขา และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกมโอเวอร์แล้ว”
เคฟังแล้ว ได้แสยะยิ้มมุมปากและปล่อยมือ
สีหน้าของภวินท์เคร่งขรึม เขาได้โยนลูกดอกไปที่ถาดอย่างไม่ลังเล
ดูท่าทางของเขาแล้ว เคได้ขมวดคิ้ว รอยยิ้มที่เดิมทีโผล่ขึ้นมาได้จางหายไปหมด เขายกมือขึ้น ปัดฝุ่นบนมือที่ไม่ได้มีอยู่จริงอย่างใจเย็น และพูดจาชิวๆ “เกมโอเวอร์แล้ว?”
ภวินท์มองหน้าเขาอย่างไมเกรงกลัว เหมือนแม้แต่อุณหภูมิรอบตัวก็ลดลงไปหลายองศาเลย
ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครึ่งค่อนวัน ภวินท์แสยะยิ้มมุมปาก แววตาแฝงด้วยความเย็นชา “เค สิ่งที่นายต้องการ ฉันทำหมดแล้วนะ”
เคให้เขาปล่อยมาร์ติน เขาก็สั่งการฝั่งโน้นไปแล้ว เคให้เขาปาลูกดอก เขาก็ปาแล้ว ถ้าเคยังไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอีก งั้นเขาก็มีแค่ทางเลือกสุดท้ายแล้ว
นั่นก็คือเผชิญกันซึ่งๆหน้า
ตอนที่เห็นแววตาของภวินท์มีความอาฆาตแค้นเผยออกมาเครู้สึกใจหวิวๆและไม่สบายใจ
เหมือนที่มาร์ตินพูดจริงๆด้วยว่าภวินท์เป็นตัวละครที่ดูถูกไม่ได้
หลังจากสีหน้าแข็งทื่อไปหลายวิ แก้มของเขากระตุกเล็กน้อย ได้ยิ้มแปลกๆให้ภวินท์
เขาโบกมือให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ
ลูกน้องสองคนนั้นเข้าใจความหมายทันที ได้เดินไปที่ข้างกระดานปาเป้าอย่างไว แกะเชือกที่มัดแขนขาญาธิดาเอาไว้ออก และปล่อยเธอลงจากกระดานปาเป้า
“คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น แต่แค่ไม่รู้ว่าจะได้เจอนายอีกทีเมื่อไหร่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...