ทันใดนั้น มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เอื้อมมาจับไหล่เธอ ประคองให้เธอยืนขึ้น
แล้วญาธิดาก็กลับมารู้สึกตัวในฉับพลัน ยังไม่ทันเงยหน้าก็เอ่ยขอบคุณอย่างติดเป็นนิสัย “ขอบคุณค่ะ...”
ระหว่างที่พูด เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่ช่วยประคองเธอ แต่ไม่คิดว่าจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
เมื่อเห็นภวินท์ สีหน้าของญาธิดาก็ขุ่นมัว ยืดตัวอย่างรวดเร็ว และก้าวถอยไปสองก้าวโดยอัตโนมัติ
เมื่อเห็นการกระทำของหญิงสาว ใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ของภวินท์ก็เกิดอาการไม่พอใจเล็กน้อย คิ้วก็ขมวดโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเธอยื่นไม่นิ่ง จึงใจดีเข้ามาช่วยเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอกลับวางตัวแบบนี้
หัวใจเกิดความไม่พอใจพอสมควร แม้แต่คำพูดก็เย็นชาเล็กน้อยโดยเจตนา ชายหนุ่มเปิดริมฝีปากบาง พูดน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ได้พักผ่อนให้ดีก็อย่ามาทำงาน ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าผมปฏิบัติต่อพนักงานแย่”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ความกระอักกระอ่วนและการรับมือไม่ได้ที่ปรากฏในใจในตอนแรกพลันสลายไปมากเช่นกัน เธอกัดฟันแล้วถอยออก “คุณภวินท์วางใจได้ค่ะ ฉันเข้าใจร่างกายของตัวเองดี คุณไม่จำเป็นต้องกังวลให้มาก”
หลังจากพูดจบ ก็หันหลังเดินหนีไปโดยไม่ลังเล
แต่ดูเหมือนว่าเนื่องจากการกระทำที่ปุบปับเกินไป ทันทีที่เธอหันตัว พลันเวียนศีรษะแข้งขาอ่อนแรง และเกือบล้มลงอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น
ญาธิดารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอไม่สามารถเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน เธอรีบจับกำแพงข้างๆ หอบหายใจ หลังจากผ่านไปสักพักถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น
ภวินท์เห็นเธอเป็นแบบนี้ พลันสีหน้าไม่ดีในทันใด เขาก้าวเข้าหาโดยไม่ลังเล เดินตรงไปตรงหน้าเธอและถามว่า “คุณเป็นอะไร”
เธอเกือบล้มซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เหมือนการเสแสร้งแกล้งทำ
ญาธิดาได้ยินเสียงแล้วสูดหายใจเข้าลึก กัดฟันและพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องให้ประธานภวินท์เป็นกังวลหรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดื้อรั้นของหญิงสาว ภวินท์ก็ขมวดคิ้วเงียบๆ ถึงเวลานี้แล้ว เธอยังปฏิเสธอย่างดื้อดึงอีก
แต่สีหน้าซีดเซียวของเธอไม่ใช่การเสแสร้ง ภวินท์ไม่สนอะไรให้มากความ เขาเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเธอและจะดึงเธอไป “ตามผมมา”
ญาธิดาหายใจเข้าลึก พลันมีปฏิกิริยาตอบกลับเฉียบพลัน รีบดึงมือของตัวเองออกจากมือเขา
แม้เธอจะเวียนศีรษะ แต่ยังไม่ได้โง่ ที่นี่ในบริษัทและตอนนี้เป็นเวลาทำงาน มีเพื่อนร่วมงานเข้าๆ ออกๆ มากมาย ถ้าใครเห็นเธอกับภวินท์จับมือแบบนี้ ไม่รู้ว่าข่าวซุบซิบจะกระจายไปถึงไหน
“ประธานภวินท์ เรื่องของฉันคุณไม่ต้องใส่ใจ”
เธอพูดอย่างนั้นแล้วหันหลังเดินจากไป แต่ไม่คิดว่าจะถูกอีกฝ่ายกำข้อมืออีกครั้ง แล้วลากเธอตรงไปยังห้องนั่งเล่นข้างๆ
ญาธิดาตกใจ ยังไม่ทันได้พูด ก็เห็นภวินท์ล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว
เธอใจกระตุก นึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นของเธอกับภวินท์ในออฟฟิศครั้งก่อน ร่างกายก็รู้สึกหนาวยะเยือก
เขาคงจะไม่อยากอยู่ที่นี่...เพื่อทำอะไรเธอหรอกใช่ไหม
ภวินท์หันมา ปะทะเข้ากับใบหน้าตื่นตระหนกหญิงสาว เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ ก็เหมือนจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ภวินท์ขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณคิดว่าผมจะทำอะไร”
“คุณ...คุณอย่าเข้ามา!”
ญาธิดาค่อยๆ ถอยหลังไม่หยุด
ภวินท์พ่นลมเย็นชา มุมปากกระตุกยิ้มเยาะ ก้าวกว้างเดินตรงเข้าใกล้เธอ
ญาธิดาถอยหลังจนไปติดด้านในสุดของห้อง จะถอยก็ไม่มีทางให้ถอยแล้ว
เธอยกมือขึ้นแนบหน้าอกโดยไม่รู้ตัว เรียกความกล้าออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้มันกลางวัน...คุณ...”
พูดยังไม่จบ ภวินท์ก็โน้มเข้าหา ยื่นแขนยาวออกพาดกำแพงข้างเธอโดยไม่ลังเล เขาเหล่มองลงมาที่เธอ “ตราบใดที่ผมต้องการ จะกลางวันกลางคืนก็ได้ทั้งนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...