ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 224

จากนั้นได้สูดหายใจเข้าลึกๆ และปรับอารมณ์ ญาธิดาได้ผลักประตูเดินเข้าไปเบาๆ มองเห็นดร.ยติภัทรที่อยู่บนเตียงกับคุณปภาวีที่อยู่ข้างๆ และยิ้มอย่างสดใสส่งให้พวกเขา “พ่อคะ แม่คะ!”

คุณปภาวีและดร.ยติภัทรเห็นเธอ สีหน้าได้เปลี่ยนไป และไม่ได้พูดเรื่องเมื่อครู่นั้นต่อ

ดร.ยติภัทรลุกขึ้นนั่งอย่างร่าเริง และเอ่ยปากถามว่า “ธิดามาแล้ว ช่วงนี้งานยุ่งไหม?”

ญาธิดาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ยุ่งค่ะ”

ขณะที่พูดได้นำผลไม้อยู่ในมือไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นนั่งลงข้างเตียงแล้วถามอาการของเขา “คุณพ่อล่ะเป็นยังไงบ้าง? อารมณ์ดีขึ้นรึยังคะ?”

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันผ่าตัดของพ่อแล้ว หมอสั่งเป็นพิเศษ ต้องให้เขาประคองทำจิตใจให้สงบและอารมณ์คงที่

“พ่อสบายดี ลูกไม่ต้องห่วง”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าผอมแห้งของดร.ยติภัทรที่ปรากฏเป็นสีแดงเล็กน้อย ญาธิดาได้ตบไปที่หลังมือของเขาอย่างโล่งใจ แล้วพยักหน้า “งั้นก็ดีค่ะ แบบนี้หนูก็โล่งใจแล้ว!”

หลังจากพูดคุยกับดร.ยติภัทรเป็นเวลานาน ไม่นาน พยาบาลก็มาตรวจร่างกาย และคุณปภาวีได้มีเวลาดึงญาธิดาออกไปจากห้องผู้ป่วย

เมื่อเห็นใบหน้าลึกลับของคุณปภาวี ญาธิดาอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ “แม่คะ มีอะไรหรือเปล่า?”

คุณปภาวีขมวดคิ้ว และถามเสียงต่ำว่า “แม่อยากถามลูกหน่อย เงินค่าผ่าตัดลูกเอามาจากไหน?”

เมื่อสองวันก่อนคุณหมอเธียรชัยได้ส่งหนังสือแจ้งการดำเนินการการผ่าตัด เธอถึงได้รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดได้ชำระไปหมดแล้ว

เงินของครอบครัวพวกเขาเธอได้รวบรวมเงินทั้งหมดไว้ในบัตรของญาธิดาแล้ว แม้ว่าจำนวนเงินจะไม่น้อย แต่ก็ยังห่างไกลจากค่าผ่าตัดมาก และในระยะเวลาสั้นๆ เธอหาเงินมาได้ตั้งมากมายได้อย่างไร?

เมื่อถูกคุณปภาวีถามแบบนี้ เป็นธรรมดาที่ญาธิดาจะต้องคิดถึงการเซ็นสัญญานั้น เธอขมวดคิ้วเบาๆ และรู้สึกละอายใจที่จะพูดเล็กน้อย

เรื่องบบนี้ เธอรู้เพียงแค่คนเดียวก็พอแล้ว หากถูกคุณปภาวีกับดร.ยติภัทรรู้เข้า จะต้องโกรธแน่นอน

คุณปภาวีเห็นว่าญาธิดาลังเลที่จะพูด สีหน้าหมองลง และก็รีบถาม “ธิดา ลูกคงไม่ได้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำหรอกนะ?”

ญาธิดาได้สติ จึงขมวดคิ้ว และพูดเบาๆ ว่า "เปล่าค่ะ คือหนูไปขอความช่วยเหลือจากภวินท์”

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อ “เงินพวกนี้ถือได้ว่าเป็นเงินที่ยืมจากเขาก่อน ต่อไปหนูจะค่อยๆ หาคืนเขา”

หลังจากได้ยินเธอพูดเช่นนี้ คุณปภาวีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “แบบนี้ก็ดี เจ้าวินพออยู่ในช่วงเวลาวิกฤติก็ยังสามารถพึ่งพาได้ ไม่เป็นไร หลังจากการผ่าตัดของพ่อแกแล้ว ครอบครัวของเราค่อยหาคืนเขาด้วยกัน”

เมื่อเห็นเธอคลายความสงสัย ญาธิดาถึงได้แอบโล่งใจ

เธอกับภวินท์เซ็นสัญญานั้น อย่าให้บุคคลที่สามได้รู้เรื่องนี้ ในด้านของพ่อแม่ คงต้องปิดบังไปก่อน

หลังจากออกจากโรงพยาบาล ญาธิดาขึ้นรถไฟใต้ดิน และเพิ่งหาที่นั่งเจอ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ถึงได้พบหลายข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน

เธอเปิดดู ก็เห็นว่าส่งมาจากธีทัต

“ธิดา ผมขอโทษ ที่กดดันคุณเกินไป เรื่องเมื่อวานคุณอย่าใส่ใจเลยนะ”

“เรื่องความรู้สึกควรค่อยเป็นค่อยไป ชอบคุณมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ผมจะไม่กดดันคุณ และเคารพการตัดสินใจของคุณ”

ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคคำถาม “เรายังเป็นเพื่อนกัน ใช่ไหม?”

ดูคำไม่กี่คำนี้ อารมณ์ญาธิดาดูสับสน แม้ว่าเมื่อวานเธอจะลังเล แต่ในความเป็นจริงธีทัตก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก

แต่เมื่อเธอนึกถึงสัญยานั้น หัวใจของเธอก็เศร้าหมองลงอีกครั้ง

ในที่สุดเธอก็ขยับนิ้ว แล้วส่งข้อความหาเขาว่า “อืม ยังเป็นเพื่อนกันอยู่”

สองวันติดต่อมา ญาธิดาล้วนอยู่ในความสับสนงุนงง ดูเหมือนว่าสัญญาฉบับจะกลายเป็นภูเขาที่มองไม่เห็น ที่ได้กดลงบนตัวเธอ ทำให้เธอไม่สามารถมีความสุขได้

โชคดีที่สองวันมานี้เธอไม่ได้พบกับภวินท์ เวลาได้ถูกใช้ไปกับประสิทธิภาพการทำงานอย่างช้าๆ และความเศร้าโศกก็ค่อยๆ หายไปเล็กน้อย

“ธิดา วันนี้เราออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม? ที่ชั้นล่างเพิ่งเปิดร้านอาหารสไตล์ฮ่องกง ได้ยินมาว่ารสชาติไม่เลวเลยนะ และช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นอยู่ด้วย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์