ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 233

เมื่อญาธิดาได้ยินเรื่องนี้ ได้แต่อ้าปากอย่างกระดากปาก แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้

เวลานี้เอง ธีทัตหัวเราะเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยนจนดังออกมาจากปลายสาย “อารมณ์ไม่ดีใช่มั้ย?”

“นิดหน่อยค่ะ...” ญาธิดาชะงักเล็กน้อย จนเกิดความคิดขึ้นมา “อันอันอารมณ์ไม่ดีเหมือนกันใช่มั้ยคะ?”

ระหว่างเธอกับพายุ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเลย

ธีทัตได้ยินถึงกลับต้องเงยหน้าขึ้น พลางกวาดตาอัญมณีที่กำลังเดินมาทางนี้ และกล่าวอย่างเศร้าโศก “จริงครับ ชอบทำหน้าบึ้งตึงใส่ แล้วก็ไม่ค่อยสนใจผมสักเท่าไหร่”

“เธอเดินมาแล้ว ผมเอาโทรศัพท์ให้เธอนะ”

ปลายสายพูดออกมาประโยคหนึ่ง เขาชูมือขึ้นเพื่อยื่นโทรศัพท์ให้อัญมณี

อัญมณีย่นคิ้ว ซึ่งกำลังคิดจะถามเธอว่าทำไมพี่ชายถึงมารับโทรศัพท์เธอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ล่ะ เมื่อมองว่าคนที่โทรมาคือญาธิดา จากนั้นจึงไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมาก จึงเอาขึ้นมาแนบหูทันควัน “ธิดา?”

“อันอัน คืนนี้ออกมาคุยกันหน่อยมั้ย?”

“ได้สิ ฉันกำลังจะนัดแกอยู่พอดี ไม่คิดว่าแกจะโทรหาก่อน”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่กี่ประโยค จากประโยคเริ่มแรกจนเห็นพ้องต้องกัน

หลังจากวางสายแล้ว อัญมณีช้อนตาเหลือบมองธีทัตที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้ากลับถมึงทึงดังเดิม “คืนนี้ฉันจะออกไปเที่ยวกับธิดา ไม่กลับไปกับพี่แล้วนะ”

ธีทัตเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางจิบไวน์แดงและกล่าวออกมา “ไปร้านเหล้าที่ไหน? พี่จะไปส่ง”

อัญมณีตกตะลึง จึงรีบปฏิเสธทันควัน “ร้านเหล้าที่ไหนอะไรล่ะ! ใครพูดว่าจะไปร้านเหล้า?”

ธีทัตยกมุมปากขึ้น ราวกับคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะมีการตอบสนองออกมาเช่นนี้ โดยพูดอย่างไม่รีบร้อน “รู้ว่าแกอารมณ์ไม่ดี ครั้งนี้จะปล่อยไป พี่ไปส่งแกเอง ให้เพื่อนรักอย่างพวกแกสองคนคุยกันจนจบ พี่จะเป็นคนไปรับพวกแกเอง”

เขาเข้าใจนิสัยน้องสาวของตนเองมาก ซึ่งโดยปกติเมื่ออยู่ต่างประเทศก็ชอบเที่ยวเล่นจนไม่มีคำจำกัดความ ซึ่งในเวลานี้กลับมาอยู่ในประเทศแล้ว ภายใต้การดูแลของเขา เรื่องนี้เขาก็ต้องเข้ามายุ่ง

ครั้งนี้ ญาธิดาเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง เขาถึงได้อนุญาตเธอไป

อัญมณีเบิกตาโต พลางแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “พี่ ถูกผีอำมาเปล่าเนี่ย? ถึงขั้นยอมตกลงให้ฉันไปร้านเหล้า!”

น้ำเสียงธีทัตตอบอย่างหนักแน่น “แค่ครั้งนี้นะ ครั้งต่อไปไม่มีข้อยกเว้น”

อัญมณีได้ยิน ถึงกลับกลอกตามองบนให้เขา แต่ไม่พูดอะไร

ถือว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ ตัวจริง เมื่อกี้ยังหล่ออยู่เลยพริบตาเดียวก็น่าขายหน้าเหมือนเดิม!

เมื่อท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลง ญาธิดากินข้าวเย็นเรียบร้อย จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งชุด จากนั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้าน

แม้ว่าเธอพูดว่าอยากไปดื่มเหล้า ทว่าก็ไม่ได้จะไปยังสถานที่มีกลิ่นควันบุหรี่เหม็นตลบอบอวลไปทั่วและเสียงดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก แค่อยากจะไปร้านนั่งของแมทธิวเพื่อนั่งดื่มและพูดคุยกับอันอันเท่านั้นเอง

เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ พลันทักทายกับพนักงานบาร์เทนเดอร์ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอกวาดตามองรอบๆ และอ้าปากถาม “อันอันมาหรือยังคะ?”

ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เธอกับอัญมณีเคยมา ก็ได้สนิทสนมกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มเป็นที่เรียบร้อย บวกกับพวกเขาเป็นเพื่อนแมทธิว บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อย่อมจดจำพวกเขาได้ดี

“ยังนะครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน อายุไม่มากนัก ใบหน้ากลับปรากฏความฉลาดหลักแหลมออกมา พลันคลี่ยิ้มให้เธอ และกล่าวเสียงหวาน “พี่สาวคนสวย วันนี้รับอะไรดีครับ?”

ญาธิดาได้ยิน จนยกมุมปากด้วยความขบขัน “เอาตามที่คุณสะดวกเลยค่ะ”

“ได้เลยครับ!” หนุ่มน้อยลงมืออย่างคล่องแคล่ว โดยหันหลังไปหยิบขวดเหล้าออกมาจากชั้นวางเหล้าหลายขวด และเริ่มขะมักเขม้นต่อทันที

ญาธิดากำลังถูกดึงดูดจากการกระทำของเขา ทางด้านหลังก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น “ธิดา!”

เมื่อหันขวับกลับมา เธอก็เห็นอัญมณีใส่กระโปรงสั้นเข้าเอวรีบเดินเข้ามาหา และกวักมือให้เธอ

“ฉันมาสาย พี่ฉันมาส่งแหละ บ่นไม่หยุดปาก น่าเบื่อชะมัด”

เธอโบกมือไปมา พลางมองมาทางบาร์เทนเดอร์หนุ่ม และดีดนิ้วให้เขา “วันนี้ฉันขอเอาแบบแรงๆ สักแก้วค่ะ”

เธอพูด พร้อมทั้งวางกระเป๋าลง และนั่งลงด้านข้างญาธิดา

ญาธิดาจ้องมองเธออย่างตกใจ “เหล้าแรงๆ? อันอัน คืนนี้ฉันจะดื่มสักแก้วสองแก้ว ถ้าแกเมาขึ้นมา ฉันไม่แบกแกกลับบ้านนะ”

ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นเวลาอัญมณีเมาหัวราน้ำ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว จำติดตาจริงๆ ทั้งที่ผ่านไปแล้วแต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่

อัญมณีได้ยิน จู่ๆใบหน้าเล็กตามปกติก็ห่อเหี่ยวลงถนัดตา และเริ่มมองเธอด้วยความเศร้าสร้อย “ธิดา ฉันอารมณ์ไม่ดีเลย...”

นัยน์ตาญาธิดาทอประกาย พลันฉุกคิดถึงช่วงเช้าที่เจอพายุที่โรงพยาบาล พลันกระซิบถามทันที “หรือจะเป็น...เพราะว่าพายุเหรอ?”

เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้แล้ว นัยน์ตาอัญมณีเปล่งประกายวูบวาบ ทว่าสีหน้าเย็นชาขึ้นบ้าง เธอเบนสายตาไปทางอื่น ราวกับไม่ยอมจะเอ่ยถึง “ไม่ใช่เขา”

เมื่อมองท่าทางปากไม่ตรงกับใจของเธอแล้ว ในใจญาธิดาก็คาดเดาได้แล้ว เธอหัวเราะออกมา และไม่ได้ซักไซ้ต่อ

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอัญมณีคล้ายว่าไม่มีความลับอะไร ซึ่งในเวลานี้เธอไม่ยินยอมจะพูดออกมา เธอก็ไม่ได้ซักไซ้ให้มากความ

พริบตาเดียว เหล้าก็ผสมเสร็จ อัญมณีหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกไปหลายอึก พลันหันไปมองวงดนตรีต่างชาติที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที

“ธิดา แกรู้สึกว่าหนุ่มหล่อคนต่างชาติคนนั้นเป็นไงบ้าง?”

ญาธิดาช้อนตาขึ้น จึงมองตามปลายคางของเธอที่ชี้ไป จนมองเห็นชายหนุ่มดวงตาสีเขียวเส้นผมสีทอง พลันยิ้มให้และอ้าปากถามอย่างอดใจไม่ไหว “แกชอบสไตล์นี้เหรอ?”

อัญมณีจิบเหล้าไปอึกหนึ่ง และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แถมพูดติดตลก “ฉันรู้สึกว่าฉันอยากมีความรักแล้วสิ…”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ใบหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งมันปรากฏอยู่ในหัวสมองของเธอทันควัน และสะบัดไม่ออกเสียที

ญาธิดาที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกเห็นด้วยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

จะว่าไป เธอไม่ได้มีความรักมานานมากแล้ว หลังจากจบจากมหาวิทยาลัยมา เธอประสบพบเจอกับผู้ชายที่เหมาะสมน้อยถึงน้อยมาก จากนั้นก็มีความสัมพันธ์กับภวินท์อยู่ช่วงหนึ่ง และไม่มีเวลาพร้อมทั้งโอกาสจะมีความรักเลย

ซึ่งในเวลานี้เธอได้เซ็นสัญญาฉบับนั้นลงไปแล้วด้วย หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีให้หลัง ตามสัญญาแล้ว เธอไม่สามารถไปคบหากับเพศตรงข้ามได้นอกจากภวินท์

นี่เท่ากับเธอกลายเป็นแม่ชี ที่หลุดพ้นจากความรู้สึกทั้งหลายจนถึงขั้นถือพรหมจรรย์รักษาศีลแปด!

เหล้าแก้วหนึ่งกรอกลงท้องไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระเพาะญาธิดาร้อนระอุ ความกล้าบ้าบิ่นก็เพิ่มมากขึ้น เธอโน้มน้าวอัญมณีที่อยู่ด้านข้าง “ถ้าแกชอบ ก็ไปขอเบอร์สิ”

อัญมณีมองหนุ่มหล่อตาน้ำข้าวที่อยู่บนเวที พลันหัวเราะแห้งๆ ให้ โดยที่ในใจไม่รู้สึกรู้สาสักนิด

เธอแค่หลุดปากพูดออกไปเท่านั้นเอง ผู้ชายที่จ้องมองจนภาพอยู่ในดวงตาคนนั้น ทว่าในหัวใจกลับกลายเป็นผู้ชายคนอื่นเสียนี่ เธอสะบัดศีรษะไปมา พลันยกแก้วเหล้าในมือกระดกกรอกปากจนหมดแก้ว

ทางด้านข้าง ญาธิดาไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ก็นึกถึงภาพเมื่อตอนเช้าที่พูดคุยกับนิวรา เธอหันศีรษะไปมองอัญมณีทางด้านข้าง พลันกระซิบพูด “อันอัน เมื่อเช้านี้ฉันเจอกับนิวรามาด้วยแหละ”

อัญมณีเป็นคนฉลาดหลักแหลม พลันหันศีรษะกลับมา “หะ? ยัยหมาที่คอยหวงก้างที่เป็นรักแรกของภวินท์นั่นอะนะ?

ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเป้าหมายของภวินท์ที่แต่งงานกับญาธิดาก็เพื่อจะหาไตให้นิวราแล้ว เธอก็ได้ให้ฉายากับพวกเขาสองคน ภวินท์คือ “ผู้ชายเฮงซวย” ส่วนนิวรา “ยัยหมาหวงก้าง”

ญาธิดาเริ่มมึนเมาเล็กน้อย จึงพยักหน้า พลันพูดคำพูดเหล่านั้นของนิวราที่พูดกับเธอโดยบอกเล่าให้อัญมณีฟังทั้งหมด

เธอเอาแขนพาดลงบนแผ่นหินอ่อนด้านหน้าเคาน์เตอร์อันเย็นเฉียบ พลางกระซิบพูด “มิน่าล่ะเธอถึงเป็นผู้หญิงคนที่ภวินท์หวงแหนที่สุด ฉันก็เพิ่งจะรู้ต้นเหตุในวันนี้เอง”

อัญมณีที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงพึมพำในลำคอ “หึ! หวงแหนอะไร ทำไมฉันรู้สึกว่านิวราคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไรนั้นเลย! นางกล้าพูดออกมาแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าตนเองได้ตำแหน่งเป็นคนข้างกายภวินท์อย่างเจิดจรัสไปแล้วนะสิ! อีกเรื่องนะ ทำไมนางต้องให้แกเห็นรอยแผลเป็นบนตัวนางด้วยวะ? นั่นก็หมายความว่านางได้ทำอะไรเพื่อภวินท์ตั้งหลายอย่าง ส่วนแกเทียบไม่ติดสักอย่าง โดยทำทีให้รู้แนวก่อนเพื่อไม่ให้แกกล้าลงสนามแข่งสู้แล้วมั้ง!”

น้ำเสียงอัญมณีแสดงความหมายตรงไปตรงมา ทว่าคำพูดก็ไม่ได้หยาบคายจนไร้ซึ่งหลักการ ญาธิดาเข้าใจชัดเจน เพราะว่านี่คือความหมายของนิวราที่อยากจะแสดงความหมายต่อเธอจริงๆ ทว่าหนึ่งในส่วนมูลเหตุความจริง เพราะนี่คือความเป็นจริง

อัญมณีที่อยู่ด้านข้างก็ชนไหล่เธอเบาๆ “ธิดา ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ! แกต้องระวังให้มากด้วย!”

ญาธิดาคลี่ยิ้มมุมปากและหัวเราะอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เคร่งขรึมลงและไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับมา

ต้องคอยระวังอะไรอีกล่ะ เธอเองก็ไม่คิดจะกลับไปสานสัมพันธ์กับภวินท์อีกนี่

แม้ว่าสัญญาฉบับนั้นยังดำเนินต่อไป แต่หลังจากวันนี้ไปแล้ว เธอจะพยายามอยู่ให้ห่างเขาอย่างสุดความสามารถ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์