“ขอเพิ่มอีกแก้วค่ะ!”
อัญมณีดันแก้วเหล้าเปล่าไปทางด้านหน้า และยิ้มแฉ่งให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อหน้าเคาน์เตอร์
นี่เป็นแก้วที่สามที่เธอดื่มไปแล้ว
ญาธิดาเห็นเหตุการณ์แล้ว เกิดลางสังหรณ์อยู่ในใจ จึงรีบคว้ามือของเธอจับไว้ทันควัน พลันพูดกับหนุ่มหล่อทันที “ไม่ต้องแล้วแหละ แกจะเมาแล้ว”
ถ้าขืนปล่อยให้เธอได้ดื่มหนำตามอำเภอใจ เกรงว่าเธอจะเริ่มออกอาการเมาจากฤทธิ์เหล้า
“ธิดา อย่าห้ามฉันนะ แกก็ให้ฉันกินได้หนำใจสักทีเถอะ!”
อัญมณีพูดต่อ ศีรษะเอนพิงหัวไหล่ของญาธิดา และเริ่มพูดจีบปากจีบคอ “แกพูดมาสิ ... ทำไมในหัวสมองของฉันมันคิดถึงแต่พายุวะ?”
ภายในสิบนาที นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่ญาธิดาได้ยินเธอเอ่ยถึงชื่อนี้
ญาธิดาก้มศีรษะลง จงใจพูดตีเสียงเคร่งขรึม “อันอัน ฉันไม่อยากจะว่าแกเลย ทั้งๆ ที่แกชอบคนเขาอยู่แล้ว ทำไมต้องปฏิเสธด้วยล่ะ?”
“ใครจะชอบเขาล่ะ! ฉันเปล่านะ!”
อัญมณีโบกมือปฏิเสธ พลันพูดอย่างสับสน “แกพูดมาดิว่าทำไมครั้งที่แล้วเขาถึงแตะอั๋งฉัน? แถมไม่พูดให้แน่ชัด เขาเห็นว่าฉันเป็นตัวอะไร?”
“ยังมีอีกนะ ถึงแม้จะเป็นการสารภาพรักกันแล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้นี่นา ฉันเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวคนหนึ่ง ไม่ใช่พวกปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนั้นนะ!”
“……”
ญาธิดามองอัญมณีที่เขยิบจนแนบชิดกับร่างกายของตนเองคอยบ่นพึมพำไม่หยุดปาก ก็รู้ว่าเธอเมาแอ๋อีกแล้ว
แต่ว่าตั้งแต่เธอหลุดปากพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาแล้ว เธอก็พอจะเดาอะไรได้บ้าง
ครอบครัวของตระกูลกรเวชพื้นเพก็ไม่เลว อัญมณีถูกพ่อแม่พี่ชายเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็ก จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อทางด้านเพลงที่ต่างประเทศมาสักระยะ และประสบผลสำเร็จจนมีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าโดยปกติเธอจะเป็นคนใจใหญ่ใจโต แต่เธอเองก็มีความภาคภูมิใจในตัวเธอเช่นกัน
ถึงอย่างไรเธอในฐานะเป็นเพื่อนสนิทของเธอ รู้ดีว่าอัญมณีเป็นคนที่ต้องการกับความรักที่สมบูรณ์แบบ และยิ่งไม่มีวันเอาความหวั่นไหวและความกำกวมในเวลานั้นมาคิดว่ามันคือความรักใคร่
สิ่งที่สำคัญกว่า ในสถานการณ์ที่พายุไม่ได้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนออกมาเป็นที่แน่ชัด
ญาธิดาส่ายหน้าไปมา พลางแอบถอนหายใจ
ในเวลานั้นเอง พลันมีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาทางด้านข้าง “เอ๋ นี่อัญมณีใช่มั้ย? อกหักมาเหรอ?”
ญาธิดาหันศีรษะกลับไปมอง พลางเห็นแองจี้มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเธอโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้ และแสดงอาการเหล่ตามองพวกเธออย่างได้ใจ
ญาธิดาขาดสติจนตอบสนองกลับไม่ทัน ใครจะรู้ว่าจู่ๆอัญมณีที่อยู่ข้างกาย ก็รีบพรวดพราดผุดลุกขึ้นมาอย่างตกใจ พลางหันศีรษะกลับไปสบตาแองจี้ด้วยความโกรธเคือง พลันพูดโดยที่ไม่มีท่าทียอมอ่อนข้อให้ “แกนั่นแหละที่อกหัก!”
แองจี้ส่งเสียงพึมพำในลำคอ แววตาฉายอาการเยาะเย้ยออกมา พลันหัวเราะเสียงเย็นชา “ฉันนั่งอยู่ทางด้านนั้น ห่างขนาดนั้นยังได้ยินคนร้องห่มร้องไห้ เลยรู้สึกว่าดูคุ้นๆ เลยเดินมาดูหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแก? อะไรนะที่พูดว่าชอบหรือไม่ชอบ จนฉันได้ยินชัดเต็มสองรูหู”
เธอแสดงท่าทางจองหองเหนือคนอื่น คำพูดคำจาก็ตั้งใจคอยทิ่มแทงก้นบึ้งหัวใจของอัญมณี เมื่อได้ยินแล้วมันเสียดแก้วหูจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ
ญาธิดาย่นคิ้วหากัน เกรงว่าอัญมณีจะสบถด่าออกมาเหมือนครั้งที่แล้ว จึงเอามือคว้าแขนของเธอเอาไว้ พลันกระซิบพูดเพื่อเกลี้ยกล่อม “อันอัน เรากลับกันเถอะ?”
อัญมณียังไม่ทันตอบ เสียงแองจี้ดังขึ้น จึงเหล่ตามองเธออย่างดูถูกดูแคลน “ทำตัวเป็นเต่าหัวหดอยู่ในกระดองแล้ววิ่งหนีเตลิดเหมือนครั้งที่แล้วงั้นสิ? น่าตลกชะมัด!”
“แกพูดว่าอะไรนะ!”
อัญมณีโกรธจนจ้องตาเขม็ง พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทรงสูงทันที พลันเริ่มง้างมือและเตรียมเดินไปทางด้านหน้า
แองจี้เห็นเหตุการณ์ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมหลบหลีก ในทางกลับกันกลับถลึงตาโตใส่อย่างบ้าคลั่ง และยืดอกพูด “อยากตบฉันเหรอ? อัญมณี นี่แกไม่เคยได้ยินคำคำหนึ่งเหรอ? ไม่ดูสารรูปตัวเอง!”
อัญมณีได้ยิน ถึงกลับโกรธหนักกว่าเดิม อาศัยฤทธิ์เมาเหล้า เกลียดจนอยากจะตบสั่งสอนผู้หญิงบ้าคลั่งที่อยู่ด้านหน้าสักยก
ญาธิดาเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีแล้ว จึงยื่นมือออกมาคว้าตัวเธอเอาไว้ “พอเถอะอันอัน!”
เธอเอาตัวมาขวางทางด้านหน้าอัญมณี และทำหน้าเคร่งเครียดพลางมองมาที่แองจี้ “คุณแองจี้ ขอโทษทีค่ะ อันอันดื่มหนักจนเมาแอ๋ ฉันจะพาเธอออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...