พลางมองลักษณะท่าทางหวาดหวั่นของหญิงสาวที่อยู่ตรงด้านหน้า มุมปากของภวินท์ยกขึ้นทันที ความโกรธเคืองอัดแน่นสุมอยู่ในอกพลันมลายหายลงไปบ้าง
เขายื่นมือออกไป พลางจับมือที่ปัดพันวันจนยุ่งเหยิงของเธอเอาไว้ พลางโน้มตัวเขยิบเข้าใกล้ “ญาธิดา ผมพูดเหรอว่าจะทำอะไรกับคุณ?”
ญาธิดาตกตะลึง พลันช้อนตาขึ้นมองเขา กะพริบตาไปมา จนแก้มร้อนผ่าว “คุณ...”
ดวงตาของชายหนุ่มทั้งดำทั้งเปล่งประกาย พลันฉายความขี้เล่นปะปนออกมา “หรือว่า หัวสมองของคุณคิดไปเองหรือเปล่า?”
เมื่อพูดออกมา ญาธิดายิ่งลำบากใจมากกว่าเดิม เธอเบนสายตาหนี และกระแอมออกมาด้วยอาการประหม่า “ฉันไม่รู่ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
ดีจริง ยังแถไปได้อีก
ภวินท์ส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ พลางยกแขนข้างที่ถูกเธอกัด และเอารอยฟันให้เธอดู “แล้วตรงนี้ล่ะครับ คุณคิดว่าจะทำไงดี?”
ญาธิดาเหลือบตามองด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว พลันเชิดหน้าใส่แต่ไม่ได้พูดอะไร
ภวินท์เลิกคิ้ว “ถ้าคุณยังไม่ยอมรับ ผมก็ต้องไปคุยกับอาจารย์เพื่อหารือกันแล้วแหละ”
“ไม่ได้!”
ญาธิดาตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว พลันคว้ามือของเขาเอาไว้ “ไม่ได้นะคะ!”
หากให้ยติภัทรมองเห็นบริเวณจุดที่เธอกัดลูกศิษย์อันภาคภูมิใจของเขาจนตกอยู่ในสภาพนี้ งั้นเธอก็คงถูกด่าจนตายกันไปข้างแล้วมั้ง? อีกอย่างก่อนที่จะมีการผ่าตัดจะให้เขาโมโหกระฟัดกระเฟียดไม่ได้
“งั้นคุณวางแผนว่าจะจัดการยังไง?” ดูเหมือนว่าภวินท์จะยกมุมปากขึ้น “จัดการกันเองมั้ย?”
ญาธิดาตอบรับทันควัน “จัดการกันเองค่ะ!”
ภวินท์พึมพำเบาๆ พลันยกมุมปากขึ้น และยิ้มออกมาจางๆ
ญาธิดารู้สึกตงิดๆว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเลย
ซึ่งไม่ทันรอให้เธอได้ตั้งสติได้ทัน ภวินท์ก็พลิกตัวขึ้นเตียง และกดตัวเธอให้นอนลง จากนั้น เสียงสุขุมอันสดใสของชายหนุ่มก็ดังข้างหู “งั้นก็นอนกับผม”
อะไรนะ!
ญาธิดาถลนตาโตด้วยความรู้สึกตกใจ จนร่างกายอยู่ในสภาพคล้ายคนพเนจรที่วิ่งหนีเตลิดอยู่ขอบทาง!
ไอ้ผู้ชายโสโครก! ที่แท้ความคิดก็มีแค่นี้จริงๆ!
“ไม่ได้...”
คำปฏิเสธของเธอยังพูดไม่ทันจบ เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา “นอนแบบนอนเฉยๆ”
คำพูดอีกคำที่ยังติดค้างอยู่ของญาธิดาจึงกลืนกลับลงคอไปตามเดิม เธอกัดริมฝีปาก การถูกชายหนุ่มกกกอด อารมณ์มันดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง...
เรื่องนี้... ทำไมมันถึงรู้สึกแปลกๆ นะ?
โชคดีที่ภวินท์ไม่ได้แสดงพฤติกรรมรุกล้ำต่อ ผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกดังข้างหลังอย่างสม่ำเสมอ
ราวกับเป็นการแสดงออกว่ากำลังง่วงมากจริงๆ
อาการตัวเกร็งของญาธิดาที่มีแต่ก่อนนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายลง พลันช้อนสายตามองผ้าม่านที่เคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง และเกิดความง่วงเหงาหาวนอนตามมา โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ญาธิดาค่อยๆ พลิกตัว และลืมตาขึ้นด้วยอาการสะลึมสะลือ
เมื่อสายตามองอย่างชัดเจน เธอรีบมองใบหน้าของภวินท์ที่อยู่ห่างไปแค่คีบเดียวก่อนเป็นอันดับแรก
เวลานี้เอง เธอไม่ทันได้ตั้งสติ ยังคิดว่ากำลังฝันอยู่ด้วยซ้ำ จึงยื่นมือออกไปด้วยความสับสน พลันเกาะกุมแก้มของเขาเอาไว้
ภวินท์ตะลึง โดยที่ยังไม่ได้สติ ก็ได้ยินญาธิดาบ่นพึมพำ “ผิวเนียนพอๆ กับผู้หญิงเลยนะเนี่ย...”
ราวกับยังรู้สึกไม่เพียงพอ เธอผ่อนแรงลง แถมยังตบแก้มเขาอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็บีบปลายจมูกของเขา “จมูกโด่งจริงๆ เลย ไปเสริมซิลิโคนมาหรือเปล่าเนี่ย?”
ภวินท์ทำหน้าห่อเหี่ยวหมดอารมณ์ จนอยากจะจัดการผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ด้านหน้าสักยก
เขามองญาธิดายื่นมือออกมาเพื่อเตรียมจะสัมผัสริมฝีปากของเขา จนทำสีหน้าเคร่งขรึม จึงยื่นมือออกมาเกาะกุมมือเธอเอาไว้ และพูดอย่างเย็นชา “ปากของจริงนะ ไม่เชื่อคุณลองดูสิ”
เขาพูด และเตรียมประกบตัวลง ดวงตาลึกซึ้งดำดิ่งลง
ญาธิดาตกใจตื่นทันควัน ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปเป็นปลิดทิ้ง สติสัมปชัญญะกลับมาทั้งหมด เธอใช้มือข้างหน้ายันแผงอกของชายหนุ่มเอาไว้ ใบหน้าแดงระเรื่อ “ฉันไม่อยากลอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...