ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 238

บรรยากาศเงียบงันอยู่หลายวินาที ผ่านไปสักพัก หลุยส์เงยหน้าเหลือบมองภวินท์ “ต้องจับตามองทางไอ้เคต่อมั้ย?

ดวงตาอันเย็นชาของภวินท์หวั่นไหวเล็กน้อย พลันพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นหรอก ไอ้เคมันก็แค่ทำตัวสถุลไปวันๆคอยล่อหลอกความจริงก็เท่านั้นเอง คนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหากที่เป็นbossตัวจริง เอางานที่รีบร้อนในตอนนี้ก่อน ที่ต้องตามคนที่อยู่เบื้องหลังของมาร์ตินให้เจอ”

“เข้าใจแล้ว”

“ต้น ทางเมืองJมีนายคอยจับตามองให้อยู่แล้ว หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ ต้องรีบรายงานมาทันที”

ต้นขยับแว่นตาขอบทองเล็กน้อย และพยักหน้ารับทันควัน “ครับ”

“อ้อ ใช่แล้ววิน ” หลุยส์เดินมานั่งลงทางเก้าอี้โซฟาที่อยู่ทางด้านข้าง พลันนั่งไขว่ห้างอย่างเกียจคร้าน “ครั้งที่แล้วรถยนต์ของนายถูกคนเล่นตุกติก อาทิตย์ตรวจสอบจนได้เรื่องแล้ว”

เขาพูด พร้อมทั้งช้อนสายตาเหลือบมองคนที่อยู่ตรงมุมห้อง โดยใช้ปลายคางแสดงความหมายให้กับภวินท์

เวลานี้เอง คนที่นั่งอยู่ตรงมุมอับมุมห้องถึงได้เรื่องขยับเขยื้อน เขาแต่งตัวสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น พลันช้อนหมวกแก๊ปสีดำขึ้น จนเผยให้เห็นปลายคางผอมกะหร่องดำคล้ำ

เขาลุกพรวด พลางหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาจากทางด้านข้าง จึงเดินไปยังด้านข้างภวินท์ พอเอ่ยปาก น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและเคร่งขรึม และเผยความแหบพร่าออกมา “กณิศ พนักงานฝ่ายเทคนิคของSTN Group ตั้งแต่ช่วงฝึกงานบวกกับเวลาในการทำงานโดยเวลารวมทั้งหมด1ปี4เดือน นี่คือข้อมูลของเขา เขาเป็นคนลงมือกับรถของคุณ ซึ่งในเวลานี้เขาไม่ได้ที่บริษัทมาสามวัน และไม่ได้มีการลางาน น่าจะรู้ว่าเรื่องถูกเปิดเผยแล้ว”

ภวินท์ชูมือขึ้นเพื่อรับกระดาษบางๆ แผ่นนั้น ดวงตากวาดตามองเอกสารข้อมูล แววตาเคร่งขรึมลงเยอะ

สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ในบริษัทของตนเองแท้ๆ กลับมาคนขายชีวิตเพื่อคนอื่นเสียนี่ กระทั่งคิดอยากจะกำจัดให้เขาตายจบสิ้นกันไป ช่างเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้จริงๆ!

ภวินท์ขยับริมฝีปากที่เม้มไว้แน่น พลันตอบอย่างเย็นชา “ตรวจสอบร่องรอยของมัน อย่าลืมจับตัวมันมาให้ฉันด้วย”

“ครับ”อาทิตย์ อึ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็เริ่มพูดออกมา “บันทึกการโทรเข้าออกก็ได้ตรวจสอบออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเบอร์บุคคล แต่ตอนนี้เบอร์นั้นไม่มีหมายเลขไปแล้วครับ อีกทั้งการซื้อหมายเลขนำมาใช้งานก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ระบุตามสถานะที่แท้จริง”

ภวินท์เผยดวงตาความเย็นชาออกมาในชั่วขณะนั้น ก้นบึ้งแววตาฉายอันตรายออกมา

ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่า จะปัดกวาดร่องรอยได้อย่างสะอาดเอี่ยมอ่องมากขนาดนี้

เขาพยักหน้าหงึกหงัก พลางทำเสียงแข็งใส่ “จับตัวกณิศให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

“ครับ”

เมื่อออกมาจากคอนโด หลุยส์เป็นคนขับรถ เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว เขาก็หันหน้าไปมองภวินท์ที่อยู่ด้านข้างกาย พลางเอ่ยปากถามทันที “บาดเจ็บมาเป็นไงบ้าง? หนักเอาการมั้ย?”

ภวินท์ส่งเสียงพึมพำ “ไม่ตายหรอก”

อาการบาดเจ็บเช่นนี้ของเขาก่อนหน้านี้ก็เคยผ่านมาไม่น้อย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแล้ว อีกอย่างสมรรถนะการฟื้นฟูของร่างกายของเขาก็บาดเจ็บมาก ปากแผลได้จัดการเรียบร้อยแล้ว พักผ่อนวันสองวัน การใช้ชีวิตประจำวันก็ไร้ปัญหาใดๆ

หลุยส์ได้ยินถึงกลับหัวเราะ จังหวะที่เตรียมจะอ้าปาก โทรศัพท์ของภวินท์ก็ดังขึ้นมา

เขาหยิบขึ้นมาและก้มหน้ามองดู แววตาที่เย็นเฉียบอยู่เดิมพลางอ่อนโยนลงกว่าเดิม เขายกมือขึ้นกดรับ กระทั่งวางแนบใบหู “ฮัลโหล?”

ปลายสายเป็นเสียงอ่อนหวานของนิวราดังออกมา “พี่วินขา นิวไปเยี่ยมพี่ที่โรงพยาบาล ทำไมพี่ถึงไม่อยู่ล่ะคะ?”

“พี่มีเรื่องต้องจัดการ เลยไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล” เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พลางถามกลับช้าๆ “มีอะไรเหรอนิว”

นิวราราวกับตำหนิอย่างโกรธเคือง “พี่วินลืมแล้วเหรอคะ? วันเกิดนิวใกล้จะมาถึงแล้วนะ”

เมื่อภวินท์ได้ยิน นัยน์ตาฉายความหม่นหมองออกมาแวบหนึ่ง พลันตอบรับอย่างแผ่วเบา “อืม จำได้”

ปลายสายพยักหน้าเล็กน้อย ต่อจากนั้น นิวราก็อ้าปากพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา “จำได้ก็ดีแล้วค่ะ พี่วินน่าจะจดจำได้ดีกับคำพูดเหล่านั้นที่พี่เคยพูดกับนิวใช่มั้ยคะ?”

น้ำเสียงของหญิงสาวผสมความขวยเขินออกมาบ้าง จนทำให้คนคิดตาม

หลุยส์มองผ่านโทรศัพท์ จนได้ยินอะไรบางอย่าง ทั้งที่ขับรถอยู่ แต่กลับส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นให้ภวินท์

ไม่รู้เพราะเหตุใด สีหน้าภวินท์กลับมืดหม่นเล็กน้อย เขาหลุบตาลง น้ำเสียงปกติ “นิวครับ เรื่องนี้รอวันที่เราเจอกันค่อยคุยกันอีกทีนะ”

“ได้ค่ะ พี่วิน”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ถึงได้วางสาย

จู่ๆ ภายในตัวรถยนต์เงียบสนิททันที หลุยส์เชิดปลายคาง พลางมองถนนทางด้านหน้า แสร้งทำทีเอ่ยปากถามอย่างไม่จงใจ “อะไรนะ? นายกับนิวรายังมีความลับอะไรที่ไม่สามารถพูดได้อีกเหรอ?”

พอภวินท์ได้ยิน สีหน้ากลับเย็นชาหนักกว่าเดิม เขาเหลือบตามอง โดยที่ไม่ยอมพูดอะไรมาก แค่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขับรถของนายต่อไป”

หลุยส์คลี่ยิ้มตรงมุมปาก โดยจงใจราวกับเอ่ยปากถาม “คุณชายวิน ตอนนี้นายตกอยู่ในสถานะรักสามเส้าว่างั้น? คนหนึ่งก็ญาธิดา อีกคนก็นิวรา แถมยังเป็นสาวสวยไม่ซ้ำแบบด้วยกันทั้งคู่ นี่มันไม่ใช่สไตล์ของนายเลยนะเนี่ย!”

เขารู้จักกับภวินท์มานานหลายปีแล้ว โดยที่ไม่เคยเห็นว่าข้างกายของเขามีความสัมพันธ์อะไรที่สะบั้นไม่ขาดสักที โดยนิวราถือว่าเป็นรักแรกของเขา นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่เคยเห็นเขาใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหน ทว่าญาธิดาคนนี้ ถือว่าเป็นคนที่ทำให้เขาตกใจจริงๆ

เมื่อพูดคำพูดนี้ออกไปแล้ว ภวินท์ที่อยู่ด้านข้างเม้มริมฝีปากบางเอาไว้แน่น โดยที่ไม่พูดแม้สักคำ

พลันจับสัมผัสถึงกลิ่นอายความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง หลุยส์เสียวสันหลังวาบ พลางหดต้นคอลง โดยรู้ตัวทันทีว่าไม่ต้องพูดอะไรมาอีกแล้ว

พริบตาเดียว สองวันผ่านไป ญาธิดายังคงทำโอทีสองวันติด จนดวงตาจะรับสภาพไม่ไหวอยู่แล้ว

เหตุผลที่เริ่มวุ่นวายกับการทำโอที เพราะอีกไม่กี่วันถัดจากนี้ยติภัทรจะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว เธอตั้งใจจะลางานหลายวัน เพื่อจะอยู่ข้างกายเขา

STN Group โดยปกติจะหยุดในวันเสาร์อาทิตย์ และไม่ค่อยมีการทำงานล่วงเวลา ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นองค์กรที่ดีมาก ญาธิดาวางแผนจะลาหยุดประมาณ1สัปดาห์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญมากจริงๆ เพราะงานก็มากองอยู่ตรงนี้แล้ว จำเป็นต้องจัดการให้แล้วเสร็จ

สิ่งที่เธอสามารถทำได้ ก็คือการพยายามสุดความสามารถในการเริ่มทำงานก่อนให้แล้วเสร็จในสิ่งที่ต้องทำ งานที่เหลือก็แบ่งให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเข้ามาช่วย

ญาธิดาลุกขึ้น ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทแล้ว จึงเอียงต้นคอไปมา ตอนที่เตรียมจะเก็บของนั้น อัญมณีโทรศัพท์มาหาพอดี

“ธิดา กินข้าวยัง? ฉันเลี้ยงบาร์บีคิวแกเองดีมั้ย!”

บางทีอาจเป็นเพราะว่าไปก่อเรื่องไว้ที่ร้านเหล้าในครั้งที่แล้ว เมื่อเธอกลับบ้านไปก็คงโดนธีทัตอบรมสั่งสอนมา เธออยู่เงียบๆ มาตั้งหลายวัน นอกจากส่งข้อความมาก่อกวนอยู่เป็นประจำแล้ว ก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอื่นใด

เมื่อได้ยินเสียงของอัญมณีที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว ญาธิดาอารมณ์ดีตามไปด้วย เธอคลี่ยิ้มเล็กน้อย พลางพูดเสียงแผ่วเบา “ยังไม่ได้กิน มีเรื่องอะไรที่น่ายินดีเหรอ? ถึงได้ดีใจขนาดนี้?”

เสียงอัญมณีหัวเราะดังสดใสดังออกมาจากปลาย “เงินจากการแสดงครั้งที่แล้วโอนเข้าบัญชีแล้วนะสิ ฉันอยากจะชวนแกไปกินข้าวแล้วก็เดินดูของกัน เป็นไง?”

“ได้สิ ฉันก็ทำงานเหนื่อยมาก อยากจะผ่อนคลายหน่อย”

ทั้งสองคนตลงกันจึงนัดหมายเวลาและสถานที่

จากนั้นญาธิดาก็ออกจากบริษัทโดยมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ได้นัดหมายกันไว้ตั้งแต่แรก อัญมณีมาถึงแล้ว พอเห็นว่าเธอตาลีตาเหลือกรีบบึ่งมา จนอดย่นคิ้วหากันทันที

“ธิดา แกไม่สนใจหน้าตาความสวยของตัวเองจริงๆ เลยนะ เอาแบบโชว์หน้าสดกันแบบนี้เลย!”

เธอพูด พร้อมทั้งหยิบลิปสติกออกมาจากกระเป๋า และจัดการทาให้ญาธิดากับมือ

ญาธิดาย่นคิ้ว พลางบ่นพึมพำ “อันอัน สีนี่แดงไปหน่อยมั้ย...”

“ปากไม่แดงไม่มีแรง! จะไปเหมือนสีที่แกทาอยู่ทุกวันได้ไง คนอะไรทาแต่สีนู๊ดสีถั่วแดง มันไม่สะดุดตาเข้าใจมั้ย!”

หลังจากทาปากเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อัญมณีก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว และพยักหน้าอย่างพอใจ

ญาธิดามีผิวขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะเป็นการแต่งหน้าแบบอ่อนๆ ยังหน้าเด็กมากจนไม่รู้จะเด็กยังไงแล้ว เมื่อทาลิปสติกสีแดงสด พลันทำให้หน้าโฉบเฉี่ยวขึ้นทันที คิ้วตาเรียวยาวอย่างอ่อนละมุน ริมฝีปากแดงสดจนดึงดูดผู้คนให้พอใจ ช่างสมบูรณ์แบบเข้ากันหมดจด ทั้งงดงามดั่งเทพธิดานางฟ้า

ญาธิดาส่องกล้องในโทรศัพท์ อย่างไม่คุ้นชิน “แต่นี่มันแดงเกินไปแล้ว...”

อัญมณีดึงมือเธอเข้าไปทางหน้างสรรพสินค้าด้วยความรู้สึกสนุกสนาน “แดงตรงไหน? ต่อไปก็ทาสีนี้นะ ไปเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วไปเลือกกระโปรงสักตัวกันนะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์