บรรยากาศเงียบงันอยู่หลายวินาที ผ่านไปสักพัก หลุยส์เงยหน้าเหลือบมองภวินท์ “ต้องจับตามองทางไอ้เคต่อมั้ย?
ดวงตาอันเย็นชาของภวินท์หวั่นไหวเล็กน้อย พลันพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นหรอก ไอ้เคมันก็แค่ทำตัวสถุลไปวันๆคอยล่อหลอกความจริงก็เท่านั้นเอง คนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหากที่เป็นbossตัวจริง เอางานที่รีบร้อนในตอนนี้ก่อน ที่ต้องตามคนที่อยู่เบื้องหลังของมาร์ตินให้เจอ”
“เข้าใจแล้ว”
“ต้น ทางเมืองJมีนายคอยจับตามองให้อยู่แล้ว หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ ต้องรีบรายงานมาทันที”
ต้นขยับแว่นตาขอบทองเล็กน้อย และพยักหน้ารับทันควัน “ครับ”
“อ้อ ใช่แล้ววิน ” หลุยส์เดินมานั่งลงทางเก้าอี้โซฟาที่อยู่ทางด้านข้าง พลันนั่งไขว่ห้างอย่างเกียจคร้าน “ครั้งที่แล้วรถยนต์ของนายถูกคนเล่นตุกติก อาทิตย์ตรวจสอบจนได้เรื่องแล้ว”
เขาพูด พร้อมทั้งช้อนสายตาเหลือบมองคนที่อยู่ตรงมุมห้อง โดยใช้ปลายคางแสดงความหมายให้กับภวินท์
เวลานี้เอง คนที่นั่งอยู่ตรงมุมอับมุมห้องถึงได้เรื่องขยับเขยื้อน เขาแต่งตัวสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น พลันช้อนหมวกแก๊ปสีดำขึ้น จนเผยให้เห็นปลายคางผอมกะหร่องดำคล้ำ
เขาลุกพรวด พลางหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาจากทางด้านข้าง จึงเดินไปยังด้านข้างภวินท์ พอเอ่ยปาก น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและเคร่งขรึม และเผยความแหบพร่าออกมา “กณิศ พนักงานฝ่ายเทคนิคของSTN Group ตั้งแต่ช่วงฝึกงานบวกกับเวลาในการทำงานโดยเวลารวมทั้งหมด1ปี4เดือน นี่คือข้อมูลของเขา เขาเป็นคนลงมือกับรถของคุณ ซึ่งในเวลานี้เขาไม่ได้ที่บริษัทมาสามวัน และไม่ได้มีการลางาน น่าจะรู้ว่าเรื่องถูกเปิดเผยแล้ว”
ภวินท์ชูมือขึ้นเพื่อรับกระดาษบางๆ แผ่นนั้น ดวงตากวาดตามองเอกสารข้อมูล แววตาเคร่งขรึมลงเยอะ
สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ในบริษัทของตนเองแท้ๆ กลับมาคนขายชีวิตเพื่อคนอื่นเสียนี่ กระทั่งคิดอยากจะกำจัดให้เขาตายจบสิ้นกันไป ช่างเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้จริงๆ!
ภวินท์ขยับริมฝีปากที่เม้มไว้แน่น พลันตอบอย่างเย็นชา “ตรวจสอบร่องรอยของมัน อย่าลืมจับตัวมันมาให้ฉันด้วย”
“ครับ”อาทิตย์ อึ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็เริ่มพูดออกมา “บันทึกการโทรเข้าออกก็ได้ตรวจสอบออกมาแล้ว ซึ่งเป็นเบอร์บุคคล แต่ตอนนี้เบอร์นั้นไม่มีหมายเลขไปแล้วครับ อีกทั้งการซื้อหมายเลขนำมาใช้งานก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ระบุตามสถานะที่แท้จริง”
ภวินท์เผยดวงตาความเย็นชาออกมาในชั่วขณะนั้น ก้นบึ้งแววตาฉายอันตรายออกมา
ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่า จะปัดกวาดร่องรอยได้อย่างสะอาดเอี่ยมอ่องมากขนาดนี้
เขาพยักหน้าหงึกหงัก พลางทำเสียงแข็งใส่ “จับตัวกณิศให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“ครับ”
เมื่อออกมาจากคอนโด หลุยส์เป็นคนขับรถ เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว เขาก็หันหน้าไปมองภวินท์ที่อยู่ด้านข้างกาย พลางเอ่ยปากถามทันที “บาดเจ็บมาเป็นไงบ้าง? หนักเอาการมั้ย?”
ภวินท์ส่งเสียงพึมพำ “ไม่ตายหรอก”
อาการบาดเจ็บเช่นนี้ของเขาก่อนหน้านี้ก็เคยผ่านมาไม่น้อย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแล้ว อีกอย่างสมรรถนะการฟื้นฟูของร่างกายของเขาก็บาดเจ็บมาก ปากแผลได้จัดการเรียบร้อยแล้ว พักผ่อนวันสองวัน การใช้ชีวิตประจำวันก็ไร้ปัญหาใดๆ
หลุยส์ได้ยินถึงกลับหัวเราะ จังหวะที่เตรียมจะอ้าปาก โทรศัพท์ของภวินท์ก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบขึ้นมาและก้มหน้ามองดู แววตาที่เย็นเฉียบอยู่เดิมพลางอ่อนโยนลงกว่าเดิม เขายกมือขึ้นกดรับ กระทั่งวางแนบใบหู “ฮัลโหล?”
ปลายสายเป็นเสียงอ่อนหวานของนิวราดังออกมา “พี่วินขา นิวไปเยี่ยมพี่ที่โรงพยาบาล ทำไมพี่ถึงไม่อยู่ล่ะคะ?”
“พี่มีเรื่องต้องจัดการ เลยไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล” เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พลางถามกลับช้าๆ “มีอะไรเหรอนิว”
นิวราราวกับตำหนิอย่างโกรธเคือง “พี่วินลืมแล้วเหรอคะ? วันเกิดนิวใกล้จะมาถึงแล้วนะ”
เมื่อภวินท์ได้ยิน นัยน์ตาฉายความหม่นหมองออกมาแวบหนึ่ง พลันตอบรับอย่างแผ่วเบา “อืม จำได้”
ปลายสายพยักหน้าเล็กน้อย ต่อจากนั้น นิวราก็อ้าปากพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา “จำได้ก็ดีแล้วค่ะ พี่วินน่าจะจดจำได้ดีกับคำพูดเหล่านั้นที่พี่เคยพูดกับนิวใช่มั้ยคะ?”
น้ำเสียงของหญิงสาวผสมความขวยเขินออกมาบ้าง จนทำให้คนคิดตาม
หลุยส์มองผ่านโทรศัพท์ จนได้ยินอะไรบางอย่าง ทั้งที่ขับรถอยู่ แต่กลับส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นให้ภวินท์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...