ไม่ว่ายังไง ตอนนี้เธอไม่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้แบบไม่ใส่เสื้อผ้ารอเขาตื่นขึ้นมาได้!
ญาธิดาลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ย่องเบาๆ ลงจากเตียง มองเห็นเศษเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดกระจายอยู่รอบเตียง แล้วนึกถึงเรื่องราวเร่าร้อนบางอย่างเมื่อคืนนี้ได้ จากนั้นแก้มแดงสุดๆ
เธอไม่หยิบเสื้อผ้าขาดบนพื้นไปเลย ถือโอกาสเอาเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาจากในตู้เสื้อผ้า เดินออกห้องไปเปลี่ยนแบบเบาๆ
เธอควรทำอย่างไรดี! นี่อยู่ในบ้านเธอเองชัดๆ เธอกลับหวาดผวาเหมือนเป็นขโมยอย่างนั้น
ญาธิดาวนเวียนอยู่ในห้องรับแขกแบบว้าวุ่น ดื่มน้ำเปล่าไปครึ่งขวดใหญ่ อารมณ์ประหม่ายังไม่ได้ลดลง สุดท้าย เธอมองดูเวลาแวบหนึ่ง ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ ได้แต่หยิบมือถือกระเป๋ากุญแจออกไปแล้ว
เธอไม่อยากรอจนภวินท์ตื่นขึ้นมา ถึงตอนนั้นต้องกระอักกระอ่วนจนเธออยากตายแน่
ไม่สู้ ไปพึ่งพาอันอัน?
ไม่กี่วินาทีต่อมา ญาธิดาตัดสินใจเรียบร้อย ส่งข้อความไปหาอัญมณี
รออยู่ตั้งนาน ไม่ได้รอให้หล่อนส่วนข้อความกลับมา ญาธิดาเดินมาด้านนอกที่พัก ขยับเสื้อคลุมไว้แน่นสักหน่อย เดินไปข้างหน้าอย่างสับสนพอสมควร
เวลานี้ เดาว่าอันอันยังหลับอยู่ ยิ่งช่วงนี้เหมือนว่าหล่อนพักอยู่ที่บ้าน เข้าไปในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าจะไปรบกวนแม้แต่ครอบครัวของหล่อนด้วยเหรอ?
ญาธิดาส่ายหน้า ปัดตกความคิดนี้ไป คิดว่าไม่สู้ไปโรงพยาบาลโดยตรง เหมือนกับเมื่อก่อนที่นั่งพักผ่อนตรงโถงทางเดินโรงพยาบาลสักพัก รอพ่อแม่ตื่นขึ้นมา
ตัดสินใจเสร็จ เธอเร่งฝีเท้าเดินไปทางสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ใครจะรู้เดินมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงแตรรถยนต์ลอยมาจากด้านหลัง
ญาธิดาตกใจ หันหน้ามองไปโดยจิตใต้สำนึก
ที่ด้านหลังเธอไม่ไกลนัก รถคันหนึ่งค่อยๆ ตามมาด้านหลังเธอ กะพริบไฟใส่เธอ นั่นคือรถของภวินท์
หัวใจของญาธิดาหดแน่นฉับพลัน กำลังประหลาดใจว่าทำไมภวินท์ตามออกมาเร็วขนาดนี้ ตอนที่เธอกวาดตามองเห็นพายุที่นั่งคนขับ ถึงตอบสนองเข้ามา
พายุเข้ามา น่าจะมารับภวินท์ น่าจะเพิ่งมาถึง ก็มองเห็นเธอแล้ว
แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับภวินท์เมื่อคืน เธอก็รู้สึกไม่มีหน้าจะเจอผู้คน อย่าว่าแต่เจ้าตัวเลย แม้แต่ลูกน้องของเขาเธอก็ไม่อยากเจอ
หลบได้ก็หลบ! แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น!
ญาธิดารีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เร่งฝีเท้าให้ไว เดินไปทางสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแบบไม่หันหน้ากลับมา
เข้าไปทางเข้ารถไฟฟ้าใต้ดินอย่างรวดเร็ว หัวใจที่พะว้าพะวังดวงนี้ของเธอถึงวางใจลงมาระดับหนึ่ง
นั่งอยู่บนรถไฟใต้ดิน ญาธิดาง่วงจนกะพริบตา แต่ว่าในใจกลับยังหนักหน่วง สับสนอยู่บ้าง
ทั้งที่เธอบอกว่าอยากขีดเส้นแบ่งกับภวินท์ให้ชัดเจน แต่เมื่อคืนนี้กลับเกิดเรื่องราวแบบนั้นขึ้น นี่คือความผิดที่ไม่มีทางชดเชยได้ พอนึกถึงนิวรา เธอยิ่งรู้สึกผิดจนเงยหน้าไม่ขึ้นกว่าเดิม
กลัดกลุ้มใจหนักจนมาถึงโรงพยาบาล ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ มองเห็นดร.ยติภัทรและคุณปภาวียังไม่ตื่นนอน เธอก็นั่งรออยู่บนเก้าอี้ที่โถงทางเดินด้านนอก
พอเธอหยุดลงมาแบบนี้ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย เจ็บปวดแทบไม่ไหว เหมือนโดนของอะไรทิ่มเข้า ทันใดนั้น ในหัวสมองของเธอมีภาพหลายอย่างแวบผ่านฉับไว เธอนั่งอยู่บนตัวภวินท์โยกตัวขึ้นลงแบบเหงื่อตก หรือว่าภวินท์จิกเอวของเธอไว้ออกแรงดุเดือด......
ชั่วพริบตาเดียว ญาธิดาอับอายจนยากจะรับได้ แก้มร้อนขึ้นมาในขณะนั้น สรุปเธอกำลังคิดอะไรกัน?
ญาธิดาทั้งโมโหทั้งรำคาญ เกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถ เพื่อให้ตื่นตัว ยกมือตบหน้าแบบไม่เบาไม่แรง ในเวลานี้เอง มีคนผลักประตูห้องคนไข้ออก ปภาวีเดินหาวออกมา ตอนมองเห็นญาธิดาตบหน้าตนเองอยู่ข้างนอก อดมึนงงไม่ได้
“ธิดา?” หล่อนตกตะลึงก้าวเท้ามาข้างหน้า ดึงมือของเธอไว้ “ลูกทำอะไร? บ้าไปแล้วเหรอ?”
ญาธิดาตกใจยกหนึ่ง รีบตอบสนองเข้ามาทันที หลบสายตาพูดโกหกว่า “ไม่......ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็แค่ง่วงนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ? ทำไมวันนี้มาเช้าขนาดนี้?” ปภาวีกำลังยกความผิดเป็นข้อๆ มาตำหนิ ตอนสายตากวาดลงไปอย่างไม่ตั้งใจ มองคอที่ขาวเนียนของญาธิดา จากนั้นตะลึงค้างฉับพลัน
สังเกตเห็นสายตาของหล่อน ญาธิดารีบก้มหน้าทันที มองไปตามสายตาของหล่อน นี่ถึงพบว่าบริเวณใกล้กระดูกไหปลาร้ามีรอยจูบสีชมพูเล็กๆ สองสามรอย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...