ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 265

หรือว่า เขากับผู้หญิงคนนี้เกิดความรู้สึกกันจริงๆ

ในหัวก็แว็บความคิดนี้มา สีหน้าของชนัดพลเย็นชาในทันที

เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้

เขาก็หวังว่าให้นิวราไปแต่งงานกับภวินท์ทันที ถึงตอนนี้ไม่สามารถทำให้เหตุการณ์ไม่คาดคิดมาเสียเวลาให้แผนการเขาล่าช้าเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้นญาธิดาผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้าตาสะสวยอีกด้วย เมื่อดูจากคำพูดและการกระทำของหล่อนเมื่อสักครู่นี้ บุคลิกดูสมบูรณ์แบบ ฉลาดแลม ผู้หญิงแบบนี้ อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนจะไม่ทำให้รู้สึกดีได้ยังไง แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะไม่ยอมให้หล่อนทำลายเรื่องของเขา

ชั่วพริบตาเดียววิกฤติก็ได้เกิดขึ้น แต่เดิมเรื่องในบริษัทก็เหมือนหินก้อนใหญ่ที่กดเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ญาธิดาคนนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันเข้าไปอีก

ส่วนภวินท์สุดท้ายแล้วจะสนใจญาธิดาหรือไม่ เขาต้องลองถึงจะรู้

ผ่านไป สามสิบนาที ญาธิดาถูกเรียกกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

ในช่วงเวลานั้น ชนัดพลที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าเคร่งขรึมจนน่าตกใจ

“ คุณญาธิดา ผมรอคุณยี่สิบนาทีแล้ว ยังไม่ได้ยินคุณรายงานความคืบหน้าล่าสุดให้ฉันเลย ” เขาชำเลืองมองหล่อนอย่างเย็นชา “ ทำงานชุ่ยชุ่ยแบบขี้เกียจเหรอ”

เดิมทีชนัดพลก็โกรธมากพอแล้ว เสียงดังเหมือนระฆังใหญ่ ตอนนี้เสียงก็ยิ่งดังขึ้น ญาธิดาตกใจจนเกร็งไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามอธิบาย “ขอโทษนะคะท่าน เมื่อกี้ฉันไปดูมาแล้ว คุณภวินท์ยังประชุมอยู่ ฉันเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่าน จึงไม่ได้รายงานกับท่าน แต่ฉันก็สังเกตสถานการณ์ทางนั้นอยู่ตลอดนะคะ......”

“ เฮ้อ ” ชนัดพลมองเธอด้วยหางตาอย่างเย็นยะเยือก “ ฉันดูแล้วเดิมแกก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ ยังมีคุณภวินท์ของพวกแก แน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลบฉัน”

เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ญาธิดาสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบอธิบายทันทีว่า “ ไม่ใช่นะคะท่าน คุณภวินท์ยุ่งมากจริงๆ..........”

“ ยุ่งเหรอ ” ชนัดพลโกรธเป็นอย่างมาก “ ฉันมาอยากจะรู้ว่าที่จริงเขายุ่งอะไร แม้กระทั่งพ่อตาในอนาคตคนนี้ยังไม่มีเวลาได้เจอเลย ” ในขณะที่พูด เขาก็ตบโต๊ะ ลุกยืนขึ้นมา เดินออกไปข้างนอก

เมื่อญาธิดาเห็นเช่นนั้น รู้สึกเกร็งกว่าเดิม รีบดึงเขาไว้ทันที “ รบกวนท่านรอต่ออีกสักนิดนะคะ”

ตอนนี้ภวินท์กำลังประชุมอยู่จริงๆ หากเธอไม่สามารถดูแลแม้แต่คนเดียวได้ จะไม่ให้เสียหน้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ภวินท์ก่อนจะไปได้มอบหมายไว้ชัดเจนแล้ว ให้เธอทำออกมาให้ดีๆ

ไม่ใช่เพราะเธอเพิ่งย้ายมาที่สำนักงานCEO ก็ทำงานชิ้นแรกที่เขาสั่งพลาดเสียแล้ว

ชนัดพลไม่พอใจ “ รอ ฉันคงรอไม่ไหวแล้ว”

ญาธิดาดักอยู่ข้างหน้าเขา ไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำยังไง จู่ ๆก็เหมือนจะนึกอะไรออก รีบโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้กับชนัดพล “ ขอโทษนะคะ เป็นเพราะฉันคิดไม่รอบคอบ เชิญท่านนั่งลงก่อน ฉันไปเชิญคุณภวินท์ให้มาพบท่าน”

ตอนนี้ สามารถถ่วงเวลาได้ก็ถ่วงไปก่อน

แต่ใครจะไปรู้ว่าพูดแบบนั้นกับชนัดพลไม่ได้เกิดประโยชน์เลย เขาโกรธจนไฟสุ่มอก เพิ่งจะนั่งลงบนโซฟา เมื่อเหลือบไปเห็นถ้วยน้ำชาที่มีชาอยู่บนโต๊ะ ไม่ลังเลที่จะยกมันขึ้นมา ยกมือปาใส่ญาธิดาเต็มๆ

เสียงดัง “ เพล้ง ” เป็นเสียงถ้วยชาที่แตก เสียงนี้เหมือนกับเสียงระเบิด และหน้าผากของญาธิดามีเลือดไหล

เธอไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย เมื่ออยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น คงจะหลบไม่ทัน ถ้วยน้ำชานั้นได้บาดตรงที่ขมับ เลือดสดไหลลงมาไม่หยุด บนใบหน้าเล็กๆที่ซีดเซียวไม่มีเลือดฝาดมีคราบเลือดไหลลงเป็นทาง ดูแล้วน่ากลัวเล็กน้อย

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ญาธิดารู้แค่ว่ารู้สึกอุ่นๆบนศีรษะ จนผู้ช่วยลูกเกดได้ยินเสียงวิ่งเข้ามา ตอนที่ถามด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก เธอถึงรู้สึกเวียนศีรษะ

“ คะ…คุณญาธิดา”

ลูกเกดตกใจจนขาอ่อน ตอนที่หันไปชนัดพลที่มีสีหน้าเย็นชาอยู่บนโซฟา ก็ไม่กล้าถามอะไรไปมากกว่านี้ รีบถอยออกจากห้อง วิ่งไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว

รีบวิ่งไปที่หน้าประตู เห็นการประชุมกำลังดำเนินอยู่ ผู้ช่วยไม่กล้าผลีผลามเข้าไป จึงเรียกพายุออกมาและรายงานเหตุการณ์

เมื่อพายุได้ฟัง สีหน้าดูจริงจังขึ้นทันที เมื่อได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ เรื่องนี้เดาว่าเป็นการทะเลาะกันใหญ่โต

เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบกลับไปห้องประชุมรายงานสถานการณ์ให้กับภวินท์ทันที

ชั่วพริบตาเดียว สีหน้าภวินท์ก็เคร่งขรึมทันที ดวงตาทั้งสองมืดมัว ดูเหมือนเป็นภาพมืดซับซ้อน หลังจากครึ่งวินาที เขาจึงลุกขึ้น มองไปที่ทุกคน ค่อยๆพูดว่า “ วันนี้พอแค่นี้เถอะ”

เมื่อสิ้นประโยคนี้ ทุกคนมองหน้ากันและกัน เขารีบก้าวออกไปจากห้องประชุม

ห้องประชุมอยู่ชั้นเดียวกับสำนักงานCEO เมื่อภวินท์ได้รีบตามคนมา พอเดินถึงหน้าประตู ก็เห็นหญิงสาวที่เลือดไหลที่ขมับ สีแดงที่แสบตาเด่นจนสีหน้าของเธอซีดขาวไปกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะเช็ดคราบเลือดออกไปบ้างแล้ว แต่บาดแผลที่โผล่อยู่ข้างนอกยังคงรู้สึกน่ากลัว

ชั่วพริบตาเดียวหัวคิ้วของภวินท์ก็กระตุก เมื่อรับรู้ถึงสายตาที่เฉียบคมที่อยู่ข้างๆ ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติทันที เขาหันไป มองไปที่ชนัดพล ยิ้มมุมปาก เอ่ยถามคล้ายกับมีความประหลาดใจ “ คุณลุง มาได้ยังไงครับ ”

ชนัดพลกระตุกริมฝีปาก ดวงตาทั้งคู่แสดงถึงความไม่เข้าใจ “ ดูเหมือนว่าวินยังไม่รู้ว่าฉันมาแล้ว ฉันรอแกอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมงแล้ว”

ภวินท์หัวเราะ ถามด้วยความแนบเนียนว่า “ ขอโทษนะครับ เมื่อกี้กำลังประชุม นี่ก็ เพิ่งจะเลิกประชุมแล้วกลับมาทันที”

“งั้นก็บังเอิญเอามากๆ เมื่อกี้ทางนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้น วินก็เลิกประชุมพอดี”

สองคนได้โต้ตอบกันไปมา ต่างก็มีฝีมือการแสดงทำให้คนแยกไม่ออกถึงพิรุธของนักแสดงชายยอดเยี่ยม เสียดสีเหน็บแนมเสแสร้งแกล้งทำเป็นยิ้ม แต่สีหน้ากลับทำให้คนดูไม่ออกถึงสิ่งผิดปกติ

สายตาของภวินท์เหมือนจะไม่ตั้งใจหันไปมองญาธิดาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามชนัดพลด้วยความแปลกใจว่า “ อุบัติเหตุ อุบัติเหตุอะไรครับ ”

ชิ้นส่วนแก้วชาที่อยู่บนพื้นและคราบน้ำก็ชัดมากพอแล้ว ดูจากตำแหน่งตรงนั้นกับตำแหน่งของญาธิดา เมื่อเขาเดินเข้ามาก็เดาออกว่าเป็นอะไร แค่ไม่คิดว่าชนัดพลจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ

“อันนี้ก็ต้องถามเลขาคนสวยของแกคนนี้แล้วแหละ” ชนัดพลหรี่ตาหัวเราะ “ เมื่อกี้คุณญาธิดาจะเสิร์ฟชาให้ฉัน ใครจะไปรู้ว่าสะเพร่าจนลื่น แก้วชาจึงหล่น หัวก็ไปกระแทกกับมุมโต๊ะชา เลือดไหลไม่น้อย ดูท่าทางเจ็บน่าดู..........”

ญาธิดที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อฟังชนัดพลโกหกหน้าตายพูดจาซี้ซั้วแบบไม่รับผิดชอบ ดวงตาถึงกับถลึงโตทันที

เขาเอาแก้วปาใส่หัวของเธอแท้ๆ ไม่คิดว่า.......เขาจะไม่ยอมรับ

เธอหันไปมองภวินท์ด้วยความลุกลี้ลุกลน ใครจะไปรู้ว่าภวินท์มีสีหน้าที่ปกติ ไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย ใช้น้ำเสียงเรียบง่ายพูดกับเขาว่า “ เหรอครับ ขอโทษนะครับคุณลุง นี่เป็นเลขาคนใหม่ของผม ยังทำอะไรไม่คล่อง โปรดให้อภัยด้วยนะครับ ”

ชั่วพริบตาเดียว หัวใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของญาธิดา ก็ถูกตีเข้าไปอุโมงค์น้ำแข็งทันที

ตอนแรกเธอคิดว่า เมื่อเขาเห็นเธอได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อยต้องถามเธอกับเรื่องที่ผ่านมา คิดไม่ถึง เขาได้เชื่อคำพูดคนอื่นทั้งหมด ไม่เกิดความสงสัยแม้แต่น้อย

หัวใจสูบฉีดมากขึ้น ความเจ็บปวดอยู่ในใจได้แพร่กระจายไปทั่ว ญาธิดาหลบตา เก็บซ่อนอารมณ์

ในหูได้ยินเสียงผู้ชายสองคนคุยกัน

“คนในครอบครัวไม่ต้องเกรงใจกัน ให้อภัยอะไร วิน ฉันมีบางเรื่องจะคุยกับแก ตอนนี้มีเวลาว่างไหม”

“ว่างครับ คุณลุงตามผมมา ไปนั่งใกล้ๆห้องทำงานของผมกันก่อน”

“…….”

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าออกไปไกล ญาธิดารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เป็นความเจ็บปวดใจในช่วงเวลาสั้นๆเกินกว่าบาดแผลที่ขมับ

เมื่อลูกเกดเห็นญาธิดายืนมึนงงอยู่ในห้องรับแขกอยู่คนเดียว รู้สึกเป็นห่วง รีบเดินมาข้างหน้าถามว่า “ คุณญาธิดา รีบจัดการแผลที่อยู่บนศีรษะสักหน่อยเถอะ รีบไปตรวจที่โรงพยาบาล เดี๋ยวจะติดเชื้อเอาได้นะ ”

ญาธิดามีสติ เพิ่งจะนึกออกว่าแผลบนศีรษะของตัวเองยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์