ทันใดนั้น บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น ชายหนุ่มสองจ้องตากัน มือที่ทอดยาวลงข้างลำตัวได้กำหมัดแน่นเข้า ดูเหมือนว่าพร้อมจะชกต่อยได้ตลอดเวลา
พายุรู้สึกงุนงง รีบเดินไปด้านหน้าจะพูดโน้มน้าว แต่ไม่ทันให้เขาเอ่ยปาก ภวินท์ที่กำลังจ้องธีทัตถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “ เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ”
เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดตรงแขนปูดนูนขึ้นมา กล้ามเนื้อเริ่มตึง ราวกับว่าพร้อมที่ส่งแรงทันที
ธีทัตก็ไม่ยอมแพ้ กำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านข้าง
“ เฮ้ย ฉันก็ว่าทำไมยังไม่มาสักที ก็เห็นมาโชว์การแสดงการต่อสู้แบบลูกผู้ชายอยู่ตรงนี้สะแล้ว”
หลุยส์เดินเซื่องซึมเข้ามาหา หยอกล้อแบบหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เดินมาข้างข้างภวินท์ ยื่นมือไปดึงเขาไว้ “ จะทำอะไร สองสามวันนี้เพิ่งจะไม่ได้ไปสนามมวยเองนะ คันไม้คันมือเลยเหรอ”
แต่เดิมสถานการณ์ที่ตึงเครียดเป็นเพราะว่าหลุยส์ได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมให้ดีขึ้น เขาขยิบตาส่งสัญญาณกับพายุ และเดินมาข้างๆธีทัต ตบที่ไหล่ของเขา “ พอได้แล้วพอได้แล้ว มีแต่คนมีหน้ามีตากันทั้งนั้น ถ้าโดนปาปารัสซี่แอบถ่ายได้ละก็ พรุ่งนี้ได้ลงข่าวพาดหัวแน่ๆ ”
พายุที่ฝั่งนั้นก็ได้ห้ามเอาไว้ ดึงตัวภวินท์ ถึงจะทำให้เขาสองคนแยกออกจากกัน
หลุยส์มองดูพายุ หัวเราะออกมาว่า “ พาคุณภวินท์ของนายขึ้นไปก่อน ที่ห้อง666 ฉันไปส่งคุณธีทัตก่อนแล้วกัน”
เมื่อพายุรับรู้ถึงการขยิบตา มาดักด้านหน้าภวินท์ ใช้สิทธิส่วนบุคคลเข้าไปประตูใหญ่
เมื่อรอให้เดินออกไปไกลแล้ว อีกด้านหนึ่ง หลุยส์ถึงจะหัวเราะและตีที่ธีทัต พูดเบาๆว่า “ คุณธีทัตเรื่องเล็กๆ อย่าจริงจังไปเลย วันหน้าฉันขอเลี้ยงเหล้านายนะ นายจะต้องมานะ ”
ธีทัตมีสีหน้าเย็นชา เก็บซ่อนความโกรธไว้ข้างใน ในที่สุดก็ข่มอารมณ์ไว้ได้ “ เรื่องเหล้าไม่ต้องแล้วล่ะ ขอบคุณมากๆ ”
พอพูดจบ เขาก็เดินออกไป
หลุยส์มองดูเงาด้านหลังของเขา หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินกลับไปที่ห้องอาหาร
เมื่อถึงห้องอาหาร เขาเห็นภวินท์ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างเยือกเย็น รู้สึกขำขึ้นทันที เดินไปหยอกล้อด้านหน้า “ วิน เกิดอะไรขึ้น ครั้งนี้ทำไมต้องวู่วามขนาดนี้ เกือบจะได้ลงมือกับธีทัตนั่นแล้วนะซิ”
ภวินท์ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปหนึ่งอึก มองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น “ อะไรที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม”
เมื่อฟังที่เขาพูดแบบนี้ หลุยส์ได้หัวเราะออกมา ยังเดาต่อไปอย่างไม่กลัวตาย “ น่าจะเรื่องผู้หญิงเหอะ ญาธิดาคนนั้นหรือเหรอ”
เป็นไปอย่างที่คิดว่า เมื่อพูดประโยคนี้ สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจัง ดวงตาดูหนักแน่นเหมือนมีใบมีดผูกรัดเอาไว้ “ฮึ ” เปล่งเสียงมาที่เขา
หลุยส์ถึงกับเสียวสันหลัง ยิ้มตาหยีๆ หยิบแก้วเหล้าที่อยู่ด้านข้าง หันไปทางห้องอาหารโบกทักทายกับหนุ่มสาว บอกใบ้ให้ภวินท์ดู “ ดูซิอาธิปคนนั้น เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ ยังไม่ทันได้อิสระ ก็โดนพ่อของเขาเตรียมงานแต่งไว้ให้แล้ว แต่งกับลูกสาวคนที่สองของตระกลูลีลาลัยว่ากันว่าลูกคนที่สองคนนั้นหนักตั้งร้อยกว่ากิโล กินจุมาก นายกล้าคิดหรือเปล่า ”
“ ส่วนสพลคนนั้น เพิ่งจะมีเมียน้อย แต่งงานใหม่ไม่ถึงเดือน ก็ออกมาเที่ยวเล่นตามผับตามบาร์ ” ในขณะที่พูด หลุยส์หันไปมองภวินท์ “ นั่นหมายถึงอะไร วิน นายเข้าใจไหม”
ภวินท์ชำเลืองมองเขาอย่างเยือกเย็น ไม่พูดอะไร
ที่ผ่านเขากับคุณชายลูกเศรษฐีพวกนี้คุยกันไม่ลงตัว รู้จักกันหมด แต่ก็ไม่สนิท แต่กลับเป็นหลุยส์ ที่ไปยุแยงอารมณ์โกรธกับเขา
หลุยส์มีสีหน้าจริงจังในทันที “ พวกผู้ชายอ่ะ อยากเมื่อไหร่สามารถไปหาซื้อได้ แต่ความรู้สึกไม่สามารถเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่อย่างนั้น พอเกิดความรู้สึกแล้ว ก็จะตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกกระทำ ก็จะโดนคนอื่นจับจุดอ่อนได้”
ใครเกิดความรู้สึกดีก่อนคนนั้นก็เป็นผู้แพ้ เหตุผลนี้ เขาเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจ
ภวินท์มีอารมณ์อ่อนไหว ชั่วครู่ก็รู้สึกถึงความหมายที่เขาพูด พูดอย่างใจเย็นว่า “ นายหมายความว่าอะไร”
หลุยส์ได้แต่หัวเราะ ตั้งใจจะไม่อธิบาย “ ฉันหมายความว่าอะไร นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ”
เมื่อเห็นภวินท์เริ่มทนไม่ไหว เขาจึงยั่วยุว่า “ ช่วงนี้นายกับญาธิดา เกินคำว่าใส่ใจกันไปแล้ว ”
“ ใช่เหรอ ” ภวินท์ฮึมฮัมเบาๆ จิบเหล้าหนึ่งอึกอย่างไม่ใส่ใจ
เขากับผู้หญิงคนนั้น จะรู้สึกดีได้ยังไงกัน
“ ใช่เหรอ ” หลุยส์หัวเราะ “ ถ้าเป็นแบบนี้ คงสู้ไม่ได้กับวันนี้ที่เรียกสาวสวยสองคนนั่งเล่นเป็นเพื่อนนาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...