ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 269

ภวินท์ขมวดคิ้ว หันไปมองผู้หญิงด้วยความเย็นชา ลุกขึ้นยืนในทันที มองดูหลุยส์อยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากพูดอย่างเย็นชาว่า “ นายเที่ยวให้สนุกนะ ฉันกลับก่อนละ”

เมื่อพูดจบ เขาก้าวยาวๆออกจากห้องอาหาร พายุได้แต่เดินตามไปในทันที

ผู้หญิงนนั้นโดนเหยียดหยาม ขอบตาแดงขึ้นทันที มองหลุยส์ด้วยความรู้สึกที่น้อยใจเป็นอย่างยิ่ง “ คุณหลุยส์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ.....”

หลุยส์กลับไม่รู้สึกโกรธ ยิ้มมุมปาก “ เรื่องนี้ไม่โทษคุณ”

เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดจะให้ภวินท์รับผู้หญิงคนนี้จริงๆ เขาก็แค่ลองหยั่งเชิงดู เมื่อเป็นแบบนี้ เขาจะสนใจอะไร กลัวว่าในใจจะรู้ดีอยู่แล้ว

ในเวลาเดียวกัน ภวินท์ได้ก้าวยาวๆเดินเข้าในลิฟต์ สีหน้าเคร่งขรึมจนทำให้คนอื่นตกใจ

แค่พริบตาเดียวที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งลงใกล้เขา ความรังเกียจของเขายิ่งเพิ่มขึ้นทันที แถมกลิ่นกายแบบนั้นของหล่อน ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเอามากๆ

เขายังจำได้ว่า ญาธิดาน้อยมากที่จะฉีดน้ำหอม แต่เดิมกลิ่นกายของเธอก็ไม่มีกลิ่นให้ฉุนจมูกแบบนั้น ล้วนจะเป็นกลิ่นนม.....

ทันใดนั้น ภวินท์ขมวดคิ้วกันแน่น พริบตาเดียวริมฝีปากที่เย็นๆกลายเป็นความเย็นที่ยาวไปเป็นเส้น

ทำไมจู่ๆ เขาก็นึกถึงญาธิดากันนะ ทำไมถึงเอาผู้หญิงคนนั้นมาเปรียบเทียบกับเธอโดยไม่รู้ตัว

ทำไม

หรือว่า เป็นแบบที่หลุยส์พูดแบบนั้นจริงๆ เขาเริ่มมีความรู้สึกดีๆเหรอ

ภวินท์กลับรู้สึกหมดอารมณ์ทันที ความคิดนี้ได้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา รู้ว่าขึ้นรถแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

พายุสตาร์ทรถ เอ่ยถามว่า “ คุณภวินท์ ตอนนี้กลับบ้านใช่ไหมครับ”

“ อืม”

รถได้สตาร์ท ภวินท์ได้ปิดตาลง พยายามผ่อนคลายตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ใบหน้าของญาธิดานั้นกลับลอยไปลอยมาในหัวของเขา เขาก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

หรือว่า ผู้หญิงคนนั้นได้สาปแช่งเขาไว้

ภวินท์ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ลืมตาและออกคำสั่งกับพายุ “ กลับรถ ไปที่คอนโดก่อน”

เขาจะไปดูเธอ จะถามให้รู้เรื่อง

ในไม่ช้า รถก็เลี้ยวหัวกลับ มุ่งหน้าไปยังคอนโด

เมื่อถึงประตูทางเข้าคอนโด ภวินท์ยกมือเคาะประตู ยังเต็มไปความรู้สึกที่ยังไม่ทันหายโกรธ

แต่ใครจะไปรู้ว่าเคาะอยู่สองสามครั้ง ยังไม่มีคนมาเปิดประตู ทันใดนั้น ยิ่งทำให้ภวินท์โกรธเพิ่มขึ้นอีก

หรือว่าตอนนี้ญาธิดายังไม่กลับมา แล้วเธอไปไหนละ หรือว่าอยู่ด้วยกันกับธีทัต

ภวินท์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ กดกริ่งเคาะประตูยังไม่มีคนขานรับ เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา และเจอกุญแจหนึ่งดอกที่ช่องด้านใน

เขาเป็นเจ้าของบ้าน มีกุญแจห้องเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ตอนแรกให้คนกลางเอากุญแจให้ญาธิดาสองดอก เขาตั้งใจจะเก็บไว้เองหนึ่งดอก เพื่อที่จะเก็บไว้เวลาฉุกเฉิน

เมื่อเปิดประตูห้องออก ภวินท์ผลักประตูเข้าไป ในห้องดูมืดมาก จะมีเพียงโคมไฟติดผนังที่อยู่ใกล้กับห้องนอนเปิดอยู่ เขาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นกุญแจกับกระเป๋าสตางค์วางอยู่บนตู้ตรงทางเดิน จึงเกิดความสงสัย

ดูๆแล้ว ญาธิดาต้องอยู่ในบ้าน แต่ทำไมเธอถึงไม่เปิดประตู ตั้งใจหรือเปล่า

ภวินท์ปิดประตูห้อง เดินไปยังห้องนอน ผลักประตูออก ด้านในก็มืดเหมือนเดิม เห็นแค่โคมไฟตรงหัวเตียง

ในความรางเลือน เขาก็เห็นเงาคนอยู่บนเตียง เขาเดินไปข้างหน้า ถึงจะเห็นชัดเจน ร่างของญาธิดานอนขดเป็นก้อนกลมๆเล็กๆ โดนผ้าห่มห่อไว้อย่างแน่นหนา ที่ขมับยังคงติดผ้าก๊อซ

ท่านอนของเธอ เหมือนกับทารกในครรภ์ ห่อเป็นก้อนกลม เป็นลักษณะที่เป็นการป้องกันการรุกราน ดูแล้วทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ

ภวินท์รู้สึกอ่อนไหวกับอะไรบางอย่าง

สภาพของญาธิดา เหมือนกับว่าจะไม่ค่อย........

ถึงแม้ว่าจะนอนหลับแล้ว เธอก็น่าจะได้ยินเสียงเคาะประตูเมื่อกี้นี้

เขาค่อยๆยื่นมือออกไป เอาหลังมือแตะลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ

ร้อน ร้อนจี๋เลย

ภวินท์ขมวดคิ้วทันที สีหน้าดูไม่ค่อยดี

ญาธิดามีไข้เหรอเนี่ย หรือว่าไข้สูงกันนะ

เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบหันตัวเดินออกจากห้อง มองหาในห้องรับแขกอยู่หนึ่งรอบ สุดท้ายก็หากล่องยาเจอ

หาเครื่องวัดอุณหภูมิจากด้านใน จึงเดินกลับไปที่ห้องนอนทันที วัดไข้ให้กับญาธิดา

38.5 องศา

ภวินท์ขวมดคิ้ว รีบหายาลดไข้จากในกล่องยา ยังเทน้ำอีกหนึ่งแก้ว เดินกลับถึงห้องนอน ตะโกนเรียกญาธิดาเบาๆ “ ญาธิดา ตื่น กินยาก่อน”

หญิงสาวตัวร้อนจนเลอะเลือน โดนปลุกอยู่พักใหญ่ ขมวดคิ้วไปมา แต่ก็ยังไม่ตื่น

ภวินท์หมดหนทาง ได้แต่นั่งบนขอบเตียง ค่อยๆประคองหล่อนขึ้นมา โอบไว้ในอ้อมอกของตัวเอง ป้อนยาลดไข้ไปสองเม็ด

ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็ยังไม่วางใจ นำผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น เพื่อลดอุณหภูมิของญาธิดาให้ต่ำลง

เช็ดไปเช็ดมาอยู่หลายครั้ง ไม่ทันรู้ตัวก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว ลองวัดอุณหภูมิดูอีกครั้ง ที่แท้ก็ลดลงนิดหน่อย

ภวินท์ยืนอยู่ข้างเตียง มองดูหญิงสาวที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง จู่จุ่ก็นึกถึงคำพูดเหล่านั้นของธีทัตที่พูดกับเขาตรงประตูหน้าRambler Clubhouse

“ ไม่เห็นว่านายจะมาอยู่ดูแลหล่อนตอนหล่อนเจ็บป่วยเลยนี่”

“หล่อนเพียงแต่เป็นอดีตภรรยาที่โดนทิ้ง และยังเทียบอะไรไม่ได้กับพ่อตาในอนาคตของนาย ใช่ไหมคุณภวินท์”

“……..”

คำพูดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา เขารู้สึกปวดหัวจนต้องนวดที่ขมับ หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

แต่เดิมเขาไม่เคยคิดจะทิ้งญาธิดา ตอนหย่ากันช่วงแรก ก็เป็นเธอที่ขอ........

และการหมั้นของภวินท์กับนิวรา..... เป็นเพราะเขาติดคำสัญญาไว้กับหล่อน

ภวินท์ถอนหายใจ ตั้งใจมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงอยู่พักหนึ่ง หันตัวจะเดินออก ใครจะไปรู้ว่า หญิงสาวผู้นั้นเหมือนมีปฏิกิริยาความรู้สึก ขมวดคิ้วส่งเสียงฮึมฮัม กระสับกระส่ายไปมา

เขาหันกลับมามอง เห็นเธอมีเหงื่อไหลมากผิดปกติ จึงไม่เดินออกไปในทันที

ก็ไม่มีอะไร แค่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอหนึ่งคืน รอให้ไข้ลดลง เขาค่อยไป

เขายกมือขึ้น ส่งข้อความหาพายุหนึ่งฉบับ สั่งให้เขากลับไปก่อน พรุ่งนี้เช้าตรู่มารับเขา หลังจากนั้นเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้างๆ หลับตาพักผ่อน

หนึ่งคืนผ่านไป ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็สว่างขึ้น ญาธิดาพลิกตัว ลืมตาด้วยความสะลึมสะลือ

เมื่อวานเธอไม่สบาย เวียนหัวเป็นอย่างมาก เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่คิดว่าจะตื่นมายังเช้าขนาดนี้ ร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อวานเยอะเลย

เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ ในหัวก็นึกภาพอะไรออกมา เมื่อคืนตอนที่เธอรู้สึกไม่สบาย เหมือนมีคนมาดูแลเธอ เป็นภาพเลอะเลือน คล้ายกับความฝัน แต่ก็เหมือนกับความเป็นจริง

เธอหันไปมองด้วยความบังเอิญ เห็นโต๊ะข้างเตียงที่อยู่ข้างๆมีแก้วน้ำวางอยู่ ข้างๆยังมียาลดไข้วางอยู่หนึ่งแผง ถึงกับสะดุ้งตกใจในทันที พอได้สติขึ้นมาบ้าง

งั้นก็ไม่ใช่ความฝัน มีคนมาจริงๆ

ญาธิดายื่นมือออก ยกแก้วน้ำขึ้น ตกใจอีกครั้ง

เป็นน้ำอุ่น เมื่อของเหลวสัมผัสกับถ้วยแก้ว ยังมีความอบอุ่นอยู่บ้าง

ดูเหมือนว่า คนนั้นเพิ่งจะกลับไปไม่นาน

เธอพอจะเดาออกว่าเป็นใคร คนที่สามารถเข้าออกคอนโดเธอตอนไหนก็ได้ นอกจากภวินท์ คงไม่มีใครอีกแล้ว

แต่ทำไมจู่ๆ เมื่อคืนเขาถึงมาที่นี่ และตอนที่โดนชนัดพลใช้แก้วทุบตี เขาไม่มีแนวโน้มจะเข้าข้างเธอแม้แต่นิดเดียวอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมตอนที่เธอมีไข้ถึงอยู่ดูแลเธอได้ทั้งคืนละ

ญาธิดาคิดยังไงก็คิดไม่ออก เมื่อดูนาฬิกาบนฝาผนัง ถึงจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ไม่ว่าภวินท์จะเป็นยังไง พอถึงเวลา เธอต้องไปทำงาน เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

และสำหรับเรื่องเมื่อคืน ถ้าภวินท์ไม่พูดอะไร เธอก็จะไม่เอ่ยเรื่องนี้เด็ดขาด

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ตอนที่จะเดินออกไป ญาธิดาได้ส่องกระจก เห็นขมับมีผ้าก๊อซติดอยู่ชัดเจน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

เธอตั้งใจเอาหน้ามาลงมาปิด เพื่อปิดผ้าก๊อซไว้ให้มากที่สุด ถึงจะออกไป

เมื่อถึงบริษัท ลูกเกดวิ่งมาถามเธอด้วยความอบอุ่น ญาธิดาคุยกับหล่อนสองสามประโยค เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พอเงยหน้าก็เห็นภวินท์พร้อมกับพายุเดินมาทางนี้

เขาดูมีชีวิตชีวา ชุดสูทที่เรียบและแข็งเด่นจนทำให้หุ่นของเขาดูทรงพลัง ดูไม่เหมือนกับคนที่อยู่เฝ้าทั้งคืน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์