ไม่ทันรอให้ญาธิดาคิดให้ชัดเจน เสียงที่อยู่ด้านนอกก็ดังเข้ามา
“ ก็เพราะคนนี้แหละ ทำให้ผลงานหลายแผนกใหญ่ในช่วงนี้ต่างก็เสียเปล่าไปหมดแล้ว หลังจากนี้หล่อนจะทำงานที่บริษัทได้อีกหรอ”
“ สนใจว่าหล่อนจะทำงานต่อได้ไปทำไม ยังไงเรื่องก็กระจายไปทั่วแล้วหล่อนก็คือคนที่ทุกคนรังเกียจ แกลองคิดดูช่วงนี้พวกเราทำงานล่วงเวลาไปเท่าไหร่ ตอนนี้กลับไม่ได้อะไรมาเลย.........”
“…….”
เสียงประชดประชันต่างๆนานาที่ไม่ปิดบังซ่อนเร้นดังเข้ามา ญาธิดารู้สึกแค่ว่าขมับเต้นแรงขึ้น เธอผลักประตูออกห้อง เดินออกไป
หญิงสาวสองคนนั้นที่แต่งหน้าตรงอ่างล้างมือคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆจะมีคนเดินออกมาจากข้างใน จึงทำให้ตกใจ มองตากันและกัน ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ญาธิดาแกล้งทำเป็นไม่สนใจเดินมาด้านข้างล้างมือที่อ่างล้างมือ หนึ่งในหญิงสาวได้เห็นหน้าเธอชัดๆ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ซีดเผือดเล็กน้อย
ญาธิดาทำเป็นมองไม่เห็น ดึงกระดาษมาเช็ดมือหนึ่งแผ่น ก้าวเดินออกไปข้างนอก
หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังคนนั้นใช้เสียงต่ำพูดว่า “เมื่อกี้คนนั้น.........ก็คือเลขาที่พวกเราพูดถึงไง”
“ อะไรนะ คือหล่อนเหรอ”
“……”
ญาธิดาขมวดคิ้ว รีบเร่งก้าวเท้าเดิน เสียงถึงจะดังมาจากด้านหลัง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว
ไม่คิดว่า ทุกคนต่างก็คิดว่าแผนธุรกิจฉบับนั้นเป็นเธอที่เปิดโปง แต่เรื่องนี้เธอก็ยังไม่ชัดเจน ความจริงถึงเธอจะเป็นคนไปส่งแผนธุรกิจ เธอมีโอกาสและเวลาที่จะทำความผิด แต่เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนี้เลย........
ญาธิดาเดินกลับห้องทำงานด้วยความกังวลใจ ยังคงติดอยู่ในใจ ย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อวานอย่างละเอียด ตั้งแต่เธอได้รับแผนธุรกิจและส่งให้กับคุณฌอนถึงมือ ระหว่างนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากเธอแล้ว หนึ่งในคนที่สามารถเข้าถึงแผนธุรกิจ ก็มีแต่นิวรา
แต่ว่าหล่อน.......เป็นไปไม่ได้ หล่อนดูเป็นห่วงภวินท์ขนาดนั้น จะทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้ยังไงละ
ชั่วพริบตาเดียว ทุกอย่างในสมองก็สับสนขึ้นมา ทำให้เธอไม่มีข้อมูลอะไรเลย
เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ในที่สุดญาธิดาถึงจะเข้าใจ ไม่ว่าแผนธุรกิจจะเปิดโปงออกมาจากมือของเธอหรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่ควรทำที่สุดคือหาภวินท์ให้เจอ ต้องไปอธิบายกับเขาต่อหน้าให้ชัดเจน
แต่มันก็ยาก หลังจากที่ภวินท์กลับมาที่บริษัทจัดประชุมด่วน ก็พาพายุออกไป จนตอนนี้ยังไม่เห็นเงาเขาเลย
เธอก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ภวินท์มีเบาะแสหรือไม่ มีวิธีแก้ปัญหาหรือยัง เมื่อเลิกงานแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะไปหาเขาที่ไหน
เมื่อออกมาจากบริษัท ญาธิดากลับถึงบ้าน ส่งข้อความหาภวินท์สองสามข้อความ เหมือนกับโยนก้อนหินลงน้ำ ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย
กินอาหารแบบเดิมๆ และอาบน้ำ ญาธิดานั่งอยู่บนเตียง รู้สึกกังวลแล้วกังวลอีก สุดท้าย เธอมองดูเวลา เพิ่งจะสามทุ่ม กัดฟันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาพายุ
เสียงปลายเสียงดังสองสามครั้ง ในที่สุดมีคนรับสาย “ ฮัลโหล คุณญาธิดา”
ญาธิดาถึงกับดีใจ รีบถามว่า “คุณพายุ ตอนนี้คุณอยู่กับคุณภวินท์หรือเปล่า ”
“ อืม มีอะไรเหรอ”
ญาธิดาได้ยินเสียงจอแจมาจากฝั่งนั้น “ ฉันอยากจะไปหาคุณภวินท์สักหน่อย มีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
พายุที่อยู่ปลายสายนิ่งไปพักหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า “ ตอนนี้คุณภวินท์อาจจะไม่ค่อยสะดวก”
ญาธิดาถือโทรศัพท์ไว้แน่น “ คุณสามารถบอกฉันได้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน”
พายุลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “Rambler Clubhouse ”
พริบตาเดียวที่ได้ยินสองสามคำนั้น ภาพในหัวของญาธิดาเห็นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงตระหง่านตา เธอเคยนั่งรถอยู่ครึ่งวันผ่านสถานที่ที่เรียกว่า “ Rambler Clubhouse” เป็นสโมสรใหญ่ที่ตกแต่งหรูหรา ดูแล้วเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะเข้าไปได้
เสียงของพายุได้ดังมาจากปลายสาย “ คุณญาธิดา ถ้ามีธุระอะไร เลื่อนวันคุยก็ได้นะครับ ฉันมีธุระทางนี้ ขอวางสายก่อนนะครับ ”
เมื่อวางสาย ญาธิดาสูดหายใจหนึ่งครั้ง รู้สึกเกิดแรงกระตุ้น
เธอไม่อยากรอแล้ว ขืนรอไปอีก เวลาในค่ำคืนนี้ อาจจะเกิดเรื่องราวมากมาย คำวิจารณ์ต่างๆนาน เดาได้ว่าไม่แน่จะพอกพูนขึ้นเรื่อยเรื่อย
เธอกัดฟัน พลิกตัวลงเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตัว ออกจากคอนโดทันที
เมื่อนั่งรถมาถึงประตูทางเข้าRambler Clubhouse ญาธิดาผลักประตูรถมองสิ่งก่อสร้างที่สว่างไสวอยู่ตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะตะลึง โคมไฟที่เปิดยามค่ำคืน ดูสง่างามกว่าตอนกลางวันเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...