ความคิดก็สับสนวุ่นวาย ทันใดนั้น พายุก็ผลักประตูเข้ามา “ท่านประธานครับ”
ภวินท์ได้สติกลับมา พยักหน้าเล็กน้อย “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
“การประชุมจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงครับ” พายุกำลังรายงาน ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างออก พูดอย่างลังเล
“เอ่อ ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องครับ เกิดเรื่องขึ้นกับหัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทเรา เพราะว่าปัญหาทางด้านการเงินส่วนตัวของเขา ก็เลยโดนตรวจสอบ”
ได้ยินเช่นนั้น แววตาของภวินท์ก็เยือกเย็นขึ้น “คนของเราเหรอ”
พายุพยักหน้าและพูดว่า "ใช่ครับ ธยศที่คุณเคยย้ายเขาไปที่แผนกการเงิน"
จู่ๆ ห้องก็เงียบลง ใบหน้าของภวินท์ก็ดูไม่ค่อยพอใจ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูแลควบคุมบริษัท แต่จากทุกแผนกก็มีคนของปกรณ์ทั้งนั้น หลังจากที่เขารับตำแหน่งนี้เขาก็เปลี่ยนพนักงานบางคน ให้คนที่ไว้ใจได้เข้าไปทำ ไม่คิดเลยว่าคนที่เขาหาไว้ที่แผนกการเงินจะมาเกิดเรื่องเอาตอนนี้
เกิดเรื่องตอนไหนไม่เกิด ดันมาเกิดเอาตอนที่เขาออกจากโรงพยาบาล กำลังจะกลับไปที่บริษัท เรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่ ต้องมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นแน่ อาจจะเป็นฝีมือของปกรณ์หรือฝีมือของภูผาก็เป็นไปได้มาก
ภวินท์ขมวดคิ้ว สวมเสื้อสูท ติดกระดุม แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "ไป กลับบริษัทกัน"
หลังจากพักฟื้นในโรงพยาบาลไม่กี่วัน แผลดีขึ้นนิดหน่อย ภวินท์ก็ตัดสินใจกลับไปบริษัท ไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปที่บ้าน รีบกลับไปจัดประชุมเรื่องการกลับมาที่ STN เขานึกว่าภูผาจะเข้ามาทำงานอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาทำกลับตรงกันข้าม ไมบัคคันสีดำวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็หยุดอยู่ที่ข้างล่างบริษัท ผู้คนจากออฟฟิศผู้บริกหารก็ยืนรอต้อนรับกันอยู่ที่ประตู
จากระยะไกลๆ ภวินท์เห็นร่างขาวๆยืนอยู่ข้างหน้าผ่านทางหน้าต่างรถ ญาธิดาสวมชุดสีขาว ม้วนผมขึ้น ดูเป็นมืออาชีพมาก
ภวินท์กวาดสายตามองผ่านร่างของเธอ แล้วก็รีบละสายตา
ดูเหมือนว่าเธอจะหายดี กลับมาทำงานแล้ว
รถจอดลง ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้ภวินท์ลงจากรถ
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถก้าวใหญ่ๆ ชุดสูทสีดำที่เข้าชุดกันอย่างลงตัวก็ไม่เห็นรอยยับเลยแม้แต่นิดเดียว โชว์ให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของชายหนุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ
ข้างๆกัน ญาธิดาที่ก้มหน้าอยู่ ก็เห็นร่างนั้น ใจของเธอสั่น และแอบกวาดสายตาเขา
เธอไม่ได้เจอภวินท์มาหลายวันแล้ว ช่วงนี้เธอรับมือกับหัวใจของตัวเองได้แล้ว แต่พอเห็นเขา ก็อดมองไม่ได้
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นภวินท์นำคนมาทางตน เธอก็โค้งคำนับทันที “ยินดีต้อนรับคุณภวินท์กลับมาค่ะ”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ก็โค้งทักทายเช่นกัน นี่คือการต้อนรับที่ออฟฟิศผู้บริหารเป็นคนริเริ่ม เพื่อต้อนรับการกลับมาของภวินท์โดยเฉพาะ
ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตากวาดผ่านญาธิดาไปเบา ๆ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย “พอแล้ว กลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศเถอะ”
พูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป เดินมาทางลิฟต์ พายุก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นรวบรวมความกล้ามองแผ่นหลังของชายหนุ่ม แล้วพูดกับลูกเกดที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปกันเถอะค่ะ กลับกันเถอะ”
ลูกเกดรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “คุณธิดา เมื่อกี้ฉันเห็นสีหน้าคุณภวินท์ไม่ดีเลย เป็นเพราะการประชุมที่จะเกินขึ้นหรือเปล่าคะ”
ได้ยินว่าการประชุมจะจัดขึ้นเพื่อต้อนรับภวินท์กลับบริษัท แต่จริงๆแล้วมีไว้เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการว่าภูผาเป็นรองประธานบริษัท ความจริงภูผาอยู่ในบริษัทมาหลายวันแล้ว และทุกคนในบริษัทได้เรียกเขาว่า "ท่านรองประธาน"
เมื่อเทียบกับภวินท์ที่ดูเคร่งขรึม ภูผานั้นอ่อนโยนกว่ามาก ทันทีที่เขาเข้ามาในบริษัท เขาได้รับคะแนนมากมาย ได้รับความไว้วางใจจากคนในบริษัทไม่น้อย
คนอื่นๆ อาจไม่รู้อะไรเรื่องนี้ แต่คนที่ออฟฟิศผู้บริหารพากันหวั่นใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าการมีตัวตนของภูผาเป็นภัยคุกคามต่อภวินท์
ญาธิดาก็รู้สึกหวั่นใจเช่นกัน เธอลดเสียงลงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวเราไปห้องประชุมกันเถอะ”
“ก็ได้ค่ะ”
กลับมาที่ออฟฟิศผู้บริหาร ญาธิดาก็พาลูกเกดไปที่ห้องประชุมใหญ่ที่ชั้นเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมที่จะจัดขึ้น
เพราะว่าเวลาที่เร่งรีบ เอกสารและชาเพิ่งจัดเสร็จ ผู้บริหารชั้นสูงก็พากันเข้ามาแล้ว
ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงหลายคนนั่งกระซิบกัน ใบหน้าของพวกเขาดูจริงจังอย่างบอกไม่ถูก
“ใครจะไม่รู้เจตนาของประธาน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อีกหน่อยคงจะมีเรื่องสนุกให้ได้ดูแน่”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการแย่งชิงอำนาจกันในธุรกิจของครอบครัว เราต้องเลือกข้าง พวกนายเชียร์ใครนะ..."
"... "
เมื่อญาธิดาส่งโน้ตบุ๊กให้ เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยแซงแซ่ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
เธอไม่รู้เรื่องการแย่งชิงอำนาจหรือการหาผลประโยชน์ ในสายตาของของเธอ ภูผาก็ไม่ได้เลวร้าย ไม่น่าจะเป็นเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้อย่าที่พวกเขาพูด
คิดไปคิดมา เวลาก็ผ่านไปพักหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลย เมื่อเห็นว่าทุกคนมากันจะครบแล้ว แม้แต่ครามก็เข็นภูผาเข้ามาแล้ว แต่ยังมองไม่เห็นภวินท์เลย จู่ๆ เธอก็รู้สึกร้อนรน
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาประชุมแล้ว ญาธิดาจึงเดินไปที่ประตูและมองไปทางห้องผู้บริหาร ใจร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ
ลูกเกดออกมาจากห้องประชุมและพูดอย่างกังวลว่า “คุณธิดา ทำยังไงดี ผู้บริหารในห้องประชุมต่างถามกันว่าคุณภวินท์อยู่ที่ไหน…”
“ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปดูที่ออฟฟิศ”
เธอให้ความมั่นใจกับลูกเกด ญาธิดาไม่รอช้า รีบเดินไปที่ออฟฟิศผู้บริหารทันที
พอไปถึงประตู เธอก็มองซ้ายมองขวา แต่ไม่เห็นพายุ เธอกัดฟันเดินไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเคาะ “คุณภวินท์ อยู่ไหมคะ”
ข้างในไม่มีเสียง ญาธิด เรียกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
เธอกัดฟันหายใจเข้าลึก ๆ กดที่จับประตูแล้วเปิดประตูเข้าไป เธอนึกว่าไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศ แต่เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างโดยหันหลังให้เธอ เธอก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
ไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วก้าวไปข้างหน้า "คุณภวินท์ ทุกคนรอคุณไปประชุมอยู่นะคะ"
ร่างของชายหนุ่มไม่ตอบสนอง แล้วก็มีเสียงเย็นชาดังมาว่า " มานี่สิ”
ญาธิดาเสียวสันหลังวาบ ก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่า
เดินไปที่โต๊ะแล้วเธอก็หยุด “คุณภวินท์ การประชุมเริ่มแล้วนะคะ...”
“ผมรู้แล้ว” น้ำเสียงของชายหนุ่มมีความเย็นชาเล็กน้อย “เพิ่งกลับมาที่บริษัท ผมก็ได้รับ “ข่าวดี” ไม่น้อยเลย อย่างแรกคือ เกิดเรื่องกับคนที่ผมส่งไปที่แผนกการเงิน แล้วฝ่ายการเงินก็ถูกตรวจสอบ คุณคิดว่า ภูผาต้องการจะทำอะไรล่ะ”
พูดแล้ว เขาก็หันกลับมามองเธอ ดวงตาสีเข้มเป็นประกายและลึกล้ำกว่าเดิม
ญาธิดาใจเต้นแรง คิดถึงภาพที่ภูผาทักทายทุกคนในที่ประชุมอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยน ก็แปลกอยู่
เธอเองก็ไม่คิดว่า ภูผาจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ สีหน้าไร้เดียงสาบริสุทธิ์ แต่แผนการเบื้องหลังนั้นกลับชัดเจนทุกอย่าง
“ฉันไม่รู้สิคะ” ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณภวินท์ คุณรีบไปประชุมเถอะ...”
ใครจะรู้ว่า ทันทีที่เธอพูดจบ ภวินท์ก็ก้าวเข้ามาใกล้ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "งั้นผมจะบอกให้ เขาอยากได้ตำแหน่งที่ผมมีอยู่ตอนนี้ไงล่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์