ญาธิดาเริ่มแปลกใจเล็กน้อย ราวกับไม่คิดเลยว่าภวินท์ยังคงสนใจกับเรื่องการผ่าตัดของยติภัทรอยู่ เธอขยับปาก จากนั้นจึงอ้าปากพูด “งั้นถ้าฉันมีเวลาจะติดต่อคุณหมอเธียรชัยเองค่ะ เพื่อดูว่าเขาจะวางแผนการรักษายังไง”
ร่างกายภวินท์เอนไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งพูดอย่างแผ่วเบา “อืม ถึงตอนนั้นมีอะไรที่ต้องการอยากจะให้ช่วย ก็มาหาผมได้ตลอดเลย”
ญาธิดารู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา พร้อมทั้งพยักหน้าอย่างยินดี
เมื่อออกมาจากห้องทำงานแล้ว เธอก็แอบถอนหายใจโล่งอก
จนจำต้องพูดออกมา ภวินท์ปฏิบัติดีต่อครอบครัวเธอไม่เลวเลย ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเสมอ อาจจะ...เหตุเป็นเพราะว่ายติภัทรเป็นอาจารย์ของเขาแหละมั้ง
ญาธิดาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เมื่อกลับมาที่ห้องทำงานของตนเองแล้ว
ซึ่งทำงานยุ่งอยู่ตลอดทั้งวัน นอกจากกินข้าวและเข้าห้องน้ำแล้ว ญาธิดาก็ไม่ได้พักผ่อนอะไรเลย พริบตาเดียวก็ลากยาวมาถึงเวลาเลิกงาน เธอจ้องมองงานตั้งมากมายที่กองอยู่เต็มมือ จนอดถอนหายใจไม่ได้
วันนี้ภวินท์บอกว่าต้องทำงานโอที เธอผู้เป็นเลขานุการจำต้องอยู่เป็นเพื่อนอย่างแน่นอน
เพิ่งจะพ้นเวลาเลิกงานไปได้ไม่นานนัก ในบริษัทก็เงียบลงเยอะ ญาธิดาลุกขึ้นไปยังห้องชงกาแฟ เพื่อเตรียมชงกาแฟไปให้ภวินท์สักแก้ว พร้อมทั้งไปสอบถามว่าเขาอยากจะกินอะไร
“คุณภวินท์ เย็นแล้วค่ะ คุณอยากจะกินอะไรคะ?”
ภวินท์สนใจแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งพูดตอบโต้กลับมาอย่างเรียบเฉย “เอาอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ดครับ”
“ได้ค่ะ”
ญาธิดารับคำสั่ง พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์และกดสั่งไปยังร้านโจ๊กเพื่อสั่งโจ๊กสองชามที่เธอกินอยู่เป็นประจำ ยังมีกับข้าวที่ถูกปากอีกสองอย่าง ยังมีซาลาเปาอีกหลายลูก และกดสั่งทันที
ไม่นานนัก ไรเดอร์ก็มาส่งอาหารให้ เธอรับอาหารตรงประตูลิฟต์ และมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของภวินท์ทันที “คุณภวินท์คะ ฉันสั่งโจ๊กและกับข้าวมา จะวางไว้ให้คุณตรงนี้อีกชุดค่ะ คุณต้องกินตอนร้อนๆนะคะ”
เธอพูด พร้อมทั้งเปิดถุงไว้ และหยิบออกมาจากด้านในหนึ่งชุด พร้อมทั้งวางไว้ตรงเคาน์เตอร์หน้าโซฟา จากนั้น เธอก็ลุกขึ้น พร้อมทั้งก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอก
พอภวินท์ได้ยินจึงแหงนหน้ามอง พร้อมทั้งมองไปหาเธอที่กำลังเดินออกไป ดวงตาฉายความหวั่นไหวออกมาเล็กน้อย พร้อมทั้งเรียกรั้งเธอเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
ญาธิดาตกตะลึง พร้อมทั้งถามเขากลับ “มีอะไรหรือคะ?”
ชายหนุ่มดูเหมือนเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งก้าวเดินมาทางนี้ “คุณกินข้าวพร้อมกับผมที่นี่แหละครับ.
“เอ่อ...” ญาธิดาพูดอย่างไม่สบายใจ “มันไม่ค่อยดีมั้งคะ”
ถึงแม้ว่าจะเลิกงานกันแล้ว แต่เธอกับภวินท์ก็อยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้อย ถ้าให้ใครมาเห็นเขา เกรงว่าจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีแน่
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้น “คุณกลัวอะไรเหรอ?”
เมื่อวานนี้เธอก็แสดงท่าทางหนักแน่นต่อหน้าพิชญ์สินี จนระเบิดอารมณ์อย่างทนไม่ไหว ทำไมพออยู่ต่อหน้าเขา ก็กลายเป็นเจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยที่แสนเชื่อฟังไปทันที
ญาธิดาลังเลและพูดทั้งๆที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย “ฉันรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม...”
จู่ๆ เบื้องหน้าก็หม่นหมองลง วินาทีต่อมา เธอถูกภวินท์ดึงให้เดินมายังที่โต๊ะเคาน์เตอร์หน้าโซฟา พอเดินมาอยู่ข้างโซฟาแล้ว เธอก็ถูกกดให้นั่งลง และมีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังอยู่ด้านข้าง “ผมพูดว่าเหมาะก็เหมาะสิ”
วินาทีนั้น ญาธิดาไร้วิธีการตอบโต้
ภวินท์นั่งอยู่ทางด้านข้าง จากนั้นก็หยิบผ้าเปียกขึ้นมาเช็ดมือตัวเอง ญาธิดาไม่สามารถทำอะไรได้ จึงก็ทำได้แค่หยิบกล่องข้าวออกมาจากถุง
ทั้งสองคนต่างก้มหน้ากินของตนเอง และไม่ได้มีการพูดคุยตอบโต้แต่อย่างใด พริบตาเดียว บรรยากาศก็ดูเคอะเขินเล็กน้อย
ญาธิดานั่งอยู่ด้านข้าง และกินข้าวไปสองคำ ก็รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง การกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ เธอรู้สึกไม่สบายจริงๆ
เธอคนโจ๊กในมือ พลางเหลือบตามองภวินท์ที่อยู่ทางนั้น ก็เห็นว่าเขาหยิบตะเกียบขึ้นมา และคีบหมูผัดพริกอ่อนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และใส่ปากอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในกับข้าวที่ญาธิดาชอบที่สุด พ่อครัวร้านโจ๊กร้านนี้เป็นคนภาคใต้ กับข้าวที่ทำก็จะเป็นอาหารรสเผ็ดแบบต้นตำรับ ทุกครั้งที่เธอกับอัญมณีไปกินโจ๊ก ก็จะสั่งกับข้าวนี้มากินคู่กับโจ๊ก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...