ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 309

ซึ่งไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ญาธิดาก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว มือที่เกาะอยู่ที่หัวไหล่ของเธอก็ปล่อยลงทันที

เธอราวกับเป็นปลาที่ถูกปล่อยชีวิต ที่งับอากาศเข้าปากเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นระรัว จนไม่สามารถควบคุมตนเองไว้ได้

เมื่อช้อนตามอง จนสบตาดวงตาทอประกายคู่นั้นของภวินท์ หัวใจเธอรัดแน่น และตื่นเต้นกว่าเดิม

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมทั้งอมยิ้ม “ยังเผ็ดอยู่มั้ย?”

ญาธิดาอ้าปากพูดแกมทุกข์ใจ “ไม่...ไม่เผ็ดค่ะ”

เธอพูด พร้อมทั้งรีบเบนสายตาไปทางอื่น และหยิบถ้วยโจ๊กที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา และก้มหน้ายกซดทันที

ริมฝีปากไม่ได้เผ็ดแล้ว แค่ใจกลับเผ็ดเร่าร้อนขึ้นมาแทน

พร้อมทั้งจัดการยกซดโจ๊กไปเกินครึ่งถ้วย ญาธิดารีบอ้าปากพูดทันควัน “คุณภวินท์คะ ฉันกินอิ่มแล้ว ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ...”

“รอเดี๋ยวสิ” ภวินท์ย่นคิ้ว พลางกลวาดตามองโจ๊กที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง “คุณกินน้อยขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

เขารู้จักญาธิดามานานขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ถึงอัตราการกินของเธอล่ะ กินแค่นี้ เธอไม่อิ่มแน่นอน

เดิมทีญาธิดาก็รู้สึกว่าการอยู่แบบนี้กับเขาจะยิ่งเคอะเขินหนักกว่าเดิม จึงอยากจะออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่คิดว่าจะถูกมองจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เธอยิ้มให้ภวินท์อย่างเคอะเขินเล็กน้อย “ช่วงนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่ค่ะ...”

“ลดน้ำหนัก?” หัวคิ้วภวินท์ฉาบความเย็นชาแบบหนาวเหน็บไว้อีกชั้น พลางเม้มริมฝีปากเป็นขีด “ลดน้ำหนัก?”

เธอตัวเล็กแค่นี้ยังจะลดน้ำหนักอีก ไม่กลัวว่าโภชนาการไม่พอไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดในหัวสมองหรือไง?

เมื่อได้รับการตักเตือนทางสายตาของชายหนุ่ม ญาธิดาทำได้แต่หน้าด้านนั่งลงกลับที่เดิมอีกครั้ง “ฉันก็แค่...พูดไปแค่นั้นเองค่ะ”

“ไม่อนุญาตให้ลดนะ” ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “แบบนี้กำลังดีแล้ว”

กำลังดีแล้วมันหมายความว่ายังไง?

ญาธิดาสมองเบลอทันที “อะไรที่กำลังดีแล้วคะ?”

ภวินท์คลี่ยิ้มมุมปาก สายตาเหลือบมองหน้าอกของเธอ พลันยกปลายคางถามกลับ “คุณว่าไงล่ะ?”

เมื่อมองจากสายตาของเขาแล้ว ญาธิดาก้มศีรษะลงมอง เมื่อมองเห็นหน้าอกของตนเองนั้น สีหน้าก็แดงแจ๋ทันที

ที่แท้ความหมายของเขาคือแบบนี้เอง!

ญาธิดาทั้งอายทั้งโกรธ พร้อมทั้งกัดริมฝีปากแต่พูดไม่ออก เวลานี้เอง จู่ๆด้านนอกห้องทำงานก็มีฝีเท้าดังขึ้น จากนั้น ประตูห้องทำงานก็มีคนผลักเข้ามาทันที “พี่วินขา....”

นิวราปรากฏตัวตรงประตู และมองเห็นภาพนั้นในห้อง จนยืนตาค้างอยู่กับที่ทันที

ภวินท์กับญาธิดาก็ตกใจตามเช่นกัน พร้อมทั้งเงยหน้ามองไปทางเธอ

ภวินท์เป็นคนตั้งสติได้ก่อน จึงรีบอ้าปากถามทันควัน “นิว เธอมาได้ยังไง?”

นิวราตกใจจนเดินเข้ามา จนแววตาฉายความสับสนออกมา “พี่วิน พวกคุณ...”

เธอเหลือบมองญาธิดา จากนั้นก็มองกล่องอาหารที่อยู่บนเคาน์เตอร์ สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย

ญาธิดาตั้งสติทันควัน จึงรีบวางกล่องโจ๊กที่อยู่ในมือลงและลุกขึ้นทันควัน “คุณนิว... เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ วันนี้พวกเราต้องทำโอทีกัน ดังนั้นจึงสั่งอาหารมากินเล็กน้อย ซึ่งอีกเดี๋ยวก็มีงานที่ต้องทำอยู่อีกเป็นกอง...”

ญาธิดาพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของเธอถึงได้มีสีหน้าฟื้นกลับมา เธอเหลือบมองภวินท์ พลันคลี่มุมปาก “พี่วิน พี่บอกว่าต้องทำโอที นิวก็เป็นห่วงก็เลยมาดูพี่ค่ะ”

พูดจบ เธอก็เดินมานั่งด้านข้างภวินท์ทันที พร้อมทั้งเอาถุงในมือวางลงบนโต๊ะ “นิวให้พ่อครัวที่บ้านตุ๋นซุปปลามาให้ พี่ทำงานหนัก คงกินอาหารดิลิเวอรี่ที่ไม่มีโภชนาการอยู่ตลอดแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องบำรุงกันสักหน่อยแล้วค่ะ...”

ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง และรู้ตัวทันทีว่าตนเองเป็นส่วนเกิน

เวลานี้เอง นิวราช้อนตาขึ้นมองเธอ พลันยิ้มให้เธอด้วยมารยาท “ธิดา คุณอยากจะกินอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”

ญาธิดายิ้มเพื่อเป็นการปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณนิว ฉันกินจนอิ่มแล้วค่ะ และจะออกไปทำงานต่อเดี๋ยวนี้ค่ะ”

เธอพูด พร้อมทั้งโค้งตัวเพื่อจัดการเก็บกล่องข้าวและถุงที่วางอยู่บนโต๊ะ

สายตาของภวินท์กวาดตามองเธอ พลันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นขัด จากนั้นก็หันศีรษะมามองนิวรา และพูดทันที “ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากให้เธอลำบากไปด้วย? ทำไมยังตั้งใจจะมาให้ได้ล่ะ?”

“นิวก็แค่เป็นห่วงพี่นี่คะ อีกอย่างสองวันนี้นิวยุ่งอยู่กับการเตรียมงานหมั้น และไม่ได้เจอหน้าพี่มานานแล้วค่ะ!”

นิวรากอดแขนข้างหนึ่งของภวินท์เอาไว้ พร้อมทั้งพูดจาอย่างสนิทสนม

ญาธิดาได้ยิน มือที่กำลังเก็บของอยู่ถึงกลับค้างเติ่งอยู่เล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

“ใช่สิ” จู่ๆนิวราก็ยอมปล่อยภวินท์ พร้อมทั้งยิ้มให้และหยิบกระเป๋ามา และหยิบซองอันประณีตขึ้นมาจากด้านในหนึ่งซอง พลางมองญาธิดาและพูดออกไป “ธิดา ฉันกับพี่วินจะจัดงานหมั้นขึ้นในสัปดาห์นี้ นี่คือบัตรเชิญ เธอต้องมาให้ได้นะ!”

เธอพูด พร้อมทั้งส่งบัตรเชิญมาให้เธอ

ญาธิดาหนักใจ พลันช้อนตาเหลือบมองจดหมายฉบับนั้น จนหัวใจเริ่มบีบรัดแน่นขึ้น เธอยื่นมือทั้งสองข้างออกไป พร้อมทั้งคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “ค่ะ ขออวยพรพวกคุณให้มีความสุขนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ!” นิวรายิ้มให้อย่างหวานหยดย้อย พร้อมทั้งกะพริบตาให้เธอ “จะรอเธออยู่ในวันงานนะคะ!”

ญาธิดาพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก พร้อมทั้งแสร้งทำทีหนักแน่นและหยิบถุงที่เก็บเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งมองและพูดกับภวินท์ “งั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”

เธอพูด พร้อมทั้งหันหลังแล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้องทำงาน

วินาทีที่ประตูปิดลง เธอยังได้ยินเสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบาของนิวราที่ดังเล็ดลอดออกมา

เธอนำขยะไปทิ้งที่ถังขยะอย่างคล่องแคล่ว ตอนที่กลับมาถึงห้องทำงานของตนเองนั้น ก็มองเห็นบัตรเชิญบนโต๊ะ จนรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

ซึ่งได้แอบปลอบใจตนเองตั้งหลายครั้งหลายหน แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว เธอยังอดความรู้สึกหวั่นไหวเอาไว้ไม่ได้

ยี่สิบนาทีก่อน ภวินท์ยังจูบเธออยู่เลย แต่พริบตาเดียว เธอก็ได้รับบัตรเชิญงานหมั้นที่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ช่างเป็นการเยาะเย้ยจริงๆ

ญาธิดากัดฟันแน่น พร้อมทั้งเก็บความรู้สึกที่ไม่คุ้นเอาไว้ในหัวใจ พร้อมทั้งเก็บบัตรเชิญใส่ในลิ้นชัก

ไม่เพียงแต่ได้ข่าวนี้แล้วเธอยังไร้วิธีการควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้ได้ และเธอจะไปร่วมงานหมั้นของพวกเขาได้อย่างหนักแน่นได้ยังไงล่ะ?

ช่างเถอะ เอาไว้วันอื่นค่อยหาเหตุผลดีๆมาอ้างว่าไปไม่ได้ก็แล้วกัน

เธอจัดการงานที่คั่งค้างได้ครึ่งหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จึงมองเห็นภวินท์ส่งข้อความหาเธอ “เลิกงานเถอะ”

คำพูดง่ายๆสามคำ ซึ่งไม่ได้มีประโยคอะไรเพิ่มเติม

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากเก็บของและออกจากห้องทำงานมาแล้ว ก็เห็นว่าห้องทำงานของท่านประธานไม่มีคนอยู่แล้ว ราวกับทั้งชั้น เหลือแค่เธออยู่คนเดียว

ราวกับทั้งหมดทั้งมวล ก็หลงเหลือเธออยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ญาธิดารีบมาออกจากคอนโดมุ่งหน้ามาที่บริษัท พร้อมทั้งตอกบัตรเข้างานอย่างตรงเวลา เพิ่งมาถึงสำนักงานCEOได้ไม่นานนัก ลูกเกดก็เข้ามาเคาะประตูทันที “คุณธิดา”

“เอาอาหารเช้ามาฝากคุณค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ญาธิดายิ้มให้เธอ จากนั้นก็ถามกลับทันที “ทำไมเมื่อวานคุณลางานล่ะคะ?”

ลูกเกดพูดอธิบายทันควัน “มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้แก้ไขปัญหาได้แล้วค่ะ พอฉันไม่อยู่งานก็ตกมาอยู่ที่คุณหมด รบกวนคุณจริงๆเลยค่ะ”

ญาธิดายิ้มให้พลางส่ายหน้าไปมา “เพื่อนร่วมงานช่วยเหลือกัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“ใช้สิ วันนี้ฉันได้ยินข่าวว่าคุณนวิยากลับมาบริษัทแล้ว เธอลาหยุดแต่งงานยังไม่ครบกำหนดวันเลย ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กลับมาอย่างกะทันหันแบบนี้นะ”

“เหรอคะ?” ญาธิดาได้ยิน หัวใจหนักอึ้งทันที “อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้งานเยอะมาก ขาดคนมั้ง?”

ลูกเกดพยักหน้า “อาจจะใช่มั้งคะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะ”

ญาธิดาส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็มองเธอเดินออกจากห้องทำงานไป

หลังจากประตูห้องทำงานปิดลง จึงคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของลูกเกดที่พูดออกมา จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตงิดๆ ในใจเธอพอประมาณได้ เธอโดนย้ายมาจากแผนกธุรการมาทำงานยังสำนักงานCEOก็ใกล้จะครบเดือนแล้ว ซึ่งโดยตามหลักนวิยาควรจะกลับมาได้แล้ว

แต่ว่า พอนวิยากลับมา นั่นก็หมายความว่าเธอจำต้องกลับไปยังแผนกธุรการดังเดิมใช่หรือไม่?

ซึ่งสัมผัสที่หกของผู้หญิงช่างตรงอย่างแปลกประหลาดมาก

เพิ่งจะผ่านเวลาเข้างานได้ไม่นานนัก พายุก็เคาะประตูห้องของเธอ “คุณธิดา คุณภวินท์เรียกพบครับ”

ญาธิดาได้ยิน หัวใจเต้นโครมคราม ในใจก็พอจะเดาได้ว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์