ซึ่งไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ญาธิดาก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว มือที่เกาะอยู่ที่หัวไหล่ของเธอก็ปล่อยลงทันที
เธอราวกับเป็นปลาที่ถูกปล่อยชีวิต ที่งับอากาศเข้าปากเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นระรัว จนไม่สามารถควบคุมตนเองไว้ได้
เมื่อช้อนตามอง จนสบตาดวงตาทอประกายคู่นั้นของภวินท์ หัวใจเธอรัดแน่น และตื่นเต้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมทั้งอมยิ้ม “ยังเผ็ดอยู่มั้ย?”
ญาธิดาอ้าปากพูดแกมทุกข์ใจ “ไม่...ไม่เผ็ดค่ะ”
เธอพูด พร้อมทั้งรีบเบนสายตาไปทางอื่น และหยิบถ้วยโจ๊กที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา และก้มหน้ายกซดทันที
ริมฝีปากไม่ได้เผ็ดแล้ว แค่ใจกลับเผ็ดเร่าร้อนขึ้นมาแทน
พร้อมทั้งจัดการยกซดโจ๊กไปเกินครึ่งถ้วย ญาธิดารีบอ้าปากพูดทันควัน “คุณภวินท์คะ ฉันกินอิ่มแล้ว ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ...”
“รอเดี๋ยวสิ” ภวินท์ย่นคิ้ว พลางกลวาดตามองโจ๊กที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง “คุณกินน้อยขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
เขารู้จักญาธิดามานานขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ถึงอัตราการกินของเธอล่ะ กินแค่นี้ เธอไม่อิ่มแน่นอน
เดิมทีญาธิดาก็รู้สึกว่าการอยู่แบบนี้กับเขาจะยิ่งเคอะเขินหนักกว่าเดิม จึงอยากจะออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่คิดว่าจะถูกมองจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เธอยิ้มให้ภวินท์อย่างเคอะเขินเล็กน้อย “ช่วงนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่ค่ะ...”
“ลดน้ำหนัก?” หัวคิ้วภวินท์ฉาบความเย็นชาแบบหนาวเหน็บไว้อีกชั้น พลางเม้มริมฝีปากเป็นขีด “ลดน้ำหนัก?”
เธอตัวเล็กแค่นี้ยังจะลดน้ำหนักอีก ไม่กลัวว่าโภชนาการไม่พอไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดในหัวสมองหรือไง?
เมื่อได้รับการตักเตือนทางสายตาของชายหนุ่ม ญาธิดาทำได้แต่หน้าด้านนั่งลงกลับที่เดิมอีกครั้ง “ฉันก็แค่...พูดไปแค่นั้นเองค่ะ”
“ไม่อนุญาตให้ลดนะ” ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “แบบนี้กำลังดีแล้ว”
กำลังดีแล้วมันหมายความว่ายังไง?
ญาธิดาสมองเบลอทันที “อะไรที่กำลังดีแล้วคะ?”
ภวินท์คลี่ยิ้มมุมปาก สายตาเหลือบมองหน้าอกของเธอ พลันยกปลายคางถามกลับ “คุณว่าไงล่ะ?”
เมื่อมองจากสายตาของเขาแล้ว ญาธิดาก้มศีรษะลงมอง เมื่อมองเห็นหน้าอกของตนเองนั้น สีหน้าก็แดงแจ๋ทันที
ที่แท้ความหมายของเขาคือแบบนี้เอง!
ญาธิดาทั้งอายทั้งโกรธ พร้อมทั้งกัดริมฝีปากแต่พูดไม่ออก เวลานี้เอง จู่ๆด้านนอกห้องทำงานก็มีฝีเท้าดังขึ้น จากนั้น ประตูห้องทำงานก็มีคนผลักเข้ามาทันที “พี่วินขา....”
นิวราปรากฏตัวตรงประตู และมองเห็นภาพนั้นในห้อง จนยืนตาค้างอยู่กับที่ทันที
ภวินท์กับญาธิดาก็ตกใจตามเช่นกัน พร้อมทั้งเงยหน้ามองไปทางเธอ
ภวินท์เป็นคนตั้งสติได้ก่อน จึงรีบอ้าปากถามทันควัน “นิว เธอมาได้ยังไง?”
นิวราตกใจจนเดินเข้ามา จนแววตาฉายความสับสนออกมา “พี่วิน พวกคุณ...”
เธอเหลือบมองญาธิดา จากนั้นก็มองกล่องอาหารที่อยู่บนเคาน์เตอร์ สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย
ญาธิดาตั้งสติทันควัน จึงรีบวางกล่องโจ๊กที่อยู่ในมือลงและลุกขึ้นทันควัน “คุณนิว... เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ วันนี้พวกเราต้องทำโอทีกัน ดังนั้นจึงสั่งอาหารมากินเล็กน้อย ซึ่งอีกเดี๋ยวก็มีงานที่ต้องทำอยู่อีกเป็นกอง...”
ญาธิดาพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของเธอถึงได้มีสีหน้าฟื้นกลับมา เธอเหลือบมองภวินท์ พลันคลี่มุมปาก “พี่วิน พี่บอกว่าต้องทำโอที นิวก็เป็นห่วงก็เลยมาดูพี่ค่ะ”
พูดจบ เธอก็เดินมานั่งด้านข้างภวินท์ทันที พร้อมทั้งเอาถุงในมือวางลงบนโต๊ะ “นิวให้พ่อครัวที่บ้านตุ๋นซุปปลามาให้ พี่ทำงานหนัก คงกินอาหารดิลิเวอรี่ที่ไม่มีโภชนาการอยู่ตลอดแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องบำรุงกันสักหน่อยแล้วค่ะ...”
ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง และรู้ตัวทันทีว่าตนเองเป็นส่วนเกิน
เวลานี้เอง นิวราช้อนตาขึ้นมองเธอ พลันยิ้มให้เธอด้วยมารยาท “ธิดา คุณอยากจะกินอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”
ญาธิดายิ้มเพื่อเป็นการปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณนิว ฉันกินจนอิ่มแล้วค่ะ และจะออกไปทำงานต่อเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เธอพูด พร้อมทั้งโค้งตัวเพื่อจัดการเก็บกล่องข้าวและถุงที่วางอยู่บนโต๊ะ
สายตาของภวินท์กวาดตามองเธอ พลันเม้มริมฝีปากเป็นเส้นขัด จากนั้นก็หันศีรษะมามองนิวรา และพูดทันที “ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากให้เธอลำบากไปด้วย? ทำไมยังตั้งใจจะมาให้ได้ล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...