ญาธิดาคลี่ยิ้มรอยยิ้มที่ดูย่ำแย่มากออกมา จากนั้นก็หลุดปากพูดออกไป “เลือกไม่ได้”
“ทำไมถึงพูดว่าเลือกไม่ได้ล่ะ?” คณินเริ่มระเบิดอารมณ์ พร้อมทั้งนำถ้วยชาที่อยู่ในมือวางบนโต๊ะทันที “คุณพาผมไปหาเขาที ผมต้องการพูดคุยกับเขาหน่อย!ถ้าคุณไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ ผมไม่เชื่อว่าเขายังจะสามารถบีบคุณไปให้ได้”
ญาธิดาสูดลมเย็นๆเข้าปอด พลางหลุบตาลง “มีบางเรื่องพูดออกมาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
คณินตะลึงเล็กน้อย พร้อมทั้งมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า จนหัวใจเกิดความรู้สึกแปลกพิกลขึ้นมาเป็นระยะ
เมื่อก่อนตอนที่เขาเพิ่งจะรู้จักกับเธอนั้น เธอเป็นคนไม่เกรงกลัวอะไรเลย เป็นผู้ช่วยตัวน้อยที่ทั้งเด็ดเดี่ยวและหนักแน่นมาก แต่เธอในตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิม คิดมากขึ้น หวาดกลัวมากขึ้น จนทำให้เกิดความรู้สึกปวดใจตามอย่างไม่รู้ตัว
เขายกมือขึ้น เพื่อลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายลง “ถ้าคุณไม่อยากไปจริงๆ บอกผมได้นะ ผมทนดูคุณถูกรังแกไม่ได้”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น รู้สึกอบอุ่นในหัวใจทันที จึงเงยหน้ามองเขา พลันคลี่ยิ้มและพูดทันที “ขอบคุณนะ ประธานคณิน”
ไม่ว่าเหตุการณ์ที่คุณชายอย่างคณินช่วยแก้ไขปัญหาให้เธอในงานเลี้ยงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หรือตอนนี้จะเป็นผู้จัดการโครงการกิจการของJVที่ดูภูมิฐานและมีน้ำใจขึ้นมาก เขาก็คือคณินคนที่จิตใจเมตตาคนนั้น
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของหญิงสาว แววตาคณินตะลึงเล็กน้อย จังหวะที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ ก็มาขวางหูขวางตาสายตาของเขาพอดี
เขาดึงสติกลับคืน พร้อมทั้งยื่นตะเกียบให้กับญาธิดาอย่างเอาใจ หลังจากรอให้พนักงานเดินออกไปแล้ว เขาถึงได้อ้าปากพูด “ต่อไปมีอะไรที่ต้องการให้ช่วยเหลือก็มาหาผมได้ ก็เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่?”
เขาเองก็ยินยอมเริ่มต้นเป็นเพื่อนกับเธอ ส่วนเรื่องรายละเอียดหลังจากนี้แล้ว เขาก็ไม่รีบร้อน
ญาธิดาก็ยังไม่ได้เข้าใจความหมายอีกชั้นหนึ่งที่อยู่ในคำพูดของเขาด้วย พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ใจ “ได้เลยค่ะ คุณต้องการให้ฉันช่วย ก็มาหาฉันได้เหมือนกันค่ะ”
ทั้งสองคนต่างสบตาและยิ้มให้กัน พอคุยกันสักพัก และรับประทานอาหารได้อย่างออกรสออกชาติ
ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้เอง มุมห้องของร้านอาหาร มีผู้ชายคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดชัตเตอร์ถ่ายรูปของญาธิดากับคณินเอาไว้ อย่างรวดเร็ว
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณินก็พาญาธิดามาส่งที่ใต้ตึกคอนโด หลังจากบอกลากันแล้ว ญาธิดาก็เดินเข้าไปคนเดียว
คล้ายว่าบรรยากาศในการรับประทานอาหารเย็นมื้อนี้ช่างดูกลมกลืน ญาธิดาอารมณ์ดีขึ้นมาก พอกลับถึงคอนโดก็จัดการเก็บของสักพักก็พักผ่อนทันที
แต่ชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้กลับไม่ได้อยู่ยืนนาน เช้าตรู่วันถัดมา จู่ๆก็เกิดเรื่องราวคล้ายกับมีไม้มาฟาดหัว ที่ทำให้ญาธิดาตื่นตัวทันที
เธอกำลังทำงานมือเป็นระวิงอยู่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว จู่ๆชมพู่ที่อยู่ในห้องทำงานก็ส่งเสียงตกใจดังลั่น ถัดมาชมพู่ก็อ้าปากพูดอย่างร้อนอกร้อนใจ “ธิดา แกรีบไปดูอีเมลของบริษัทเร็ว...”
“หือ? ได้สิ” ญาธิดาตอบรับทันที โดยคิดว่าเป็นเอกสารที่บริษัทแจ้งอะไรไว้ และไม่ได้กดเปิดดูทันที
ไม่กี่วินาทีถัดมา ก็มีเสียงของชมพู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ธิดา...แกเห็นแล้วใช่มั้ย?”
ชมพู่พูดเร่งเร้าอยู่ไม่หยุดปากเพื่อเรียกความสนใจเธอ เธอจึงเบนสายตาออกจากตารางงาน เพื่อกดหน้าต่างที่เด้งขึ้นมาจากมุมขวามือตรงด้านล่าง จึงกดเปิด
ซึ่งรูปแบบของอีเมลลักษณะไม่ค่อยเหมือนกับปกติ แถมยังมีรูปภาพประกอบ ญาธิดาแค่กวาดตามองคนที่อยู่ในรูปภาพคร่าวๆ แต่วินาทีที่สายตามองเห็นนั้น ร่างกายก็แข็งทื่อทันที
คนที่อยู่ในรูปไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเธอ! อีกอย่างยังเป็นชุดที่เธอใส่อยู่เมื่อวานนี้!
ในรูปนอกจากเธอแล้ว ยังมีคณินอยู่ด้วย!
ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน รูปภาพนี้เป็นรูปภาพเมื่อวานนี้ที่โดนแอบถ่ายตอนตอนที่เธออยู่กับคณิน!ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าและเดินไปกินข้าวด้วย กระทั่งยังมีรูปตอนที่คณินมาส่งเธอกลับบ้าน รูปภาพทั้งเซท ซึ่งเธอถูกสะกดรอยตามความเคลื่อนไหวทุกกระเบียดนิ้ว
เธอกวาดตาอ่านรวดเดียว เพื่ออ่านตัวอักษรในอีเมลนั่น พริบตาเดียว อารมณ์โกรธเคืองมันพุ่งเข้าหัวใจ พร้อมทั้งระงับไว้ไม่อยู่!
อีเมลฉบับนี้กลับพูดถึงว่าเธอกับคณินแอบสมรู้ร่วมคิดกัน ซึ่งยังชี้ชัดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องถึงเรื่องแผนงานที่รั่วไหลออกไปอย่างมีเลศนัย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...