ญาธิดาได้ยิน ความรู้สึกหัวใจติดค้างอยู่ตรงคอหอยก็ผ่อนคลายลงทันที
ซึ่งคนที่มีอำนาจมากที่สุดในการประชุมในวันนี้ก็คือภวินท์ ถัดมาก็คือภูผา ภวินท์ออกหน้าพูดแทนเธอ หากภูผาก็ยืนอยู่ฝั่งเธอเหมือนกัน งั้นพวกผู้บริหารระดับสูงและเหล่าผู้ถือหุ้นย่อมไม่สามารถถล่มจนทำให้ลำบากใจได้อีกแล้ว
เธอเพิ่งจะแอบถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินภูผาพูดตามหลังมาติดๆ “ผมรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ ต้องให้ประธานใหญ่ตัดสินใจค่อนข้างเหมาะสมกว่าครับ”
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าท่านประธานใหญ่ของSTN Groupคือปกรณ์ ตั้งแต่ที่เขายกบริษัทให้ภวินท์แล้ว ราวกับไม่ค่อยโผล่หน้าที่บริษัทสักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าเรื่องนี้ จนต้องไปดึงให้ปกรณ์ออกมาจากที่กำบัง มันยิ่งทำให้เรื่องมันเปลี่ยนเป็นซับซ้อนเข้าไปใหญ่
ถ้าปกรณ์มา ซึ่งไม่ได้มีผลลัพธ์ที่ดีต่อเธอสักนิด
ญาธิดาเหลือบมองภูผาอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มยังคงแสดงท่าทางอ่อนโยนทางใบหน้า แถมยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า และใช้หน้าตายิ้มเช่นนี้กับทุกคน
ซึ่งเขาเคยช่วยเธอไว้ตั้งหลายครั้ง เธอยังคิดว่าครั้งนี้เขาจะยืนอยู่ทางฝั่งเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว
ภูผาพูดออกมาเช่นนี้ เท่ากับเป็นการราดน้ำมันที่บรรดาผู้บริหารระดับสูงมีต่อภวินท์ พวกเขาพูดเสริมทัพทันที “ใช่ ต้องเรียนเชิญคุณปกรณ์ให้ท่านมาจัดการเรื่องนี้!”
“ใช่ๆๆ! เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งบริษัท ถ้าหนอนบ่อนไส้ในบริษัทไม่ถูกไล่ออกไป ไม่แน่ภายภาคหน้าอาจจะต้องเกิดแผนเล่นตุกติกอะไรขึ้นอีก!”
“……”
ญาธิดายืนอยู่ทางด้านข้าง พอได้ยินน้ำเสียงและคำพูดคำจาที่ไม่เป็นมิตร จนทั้งตัวราวกับถูกน้ำเย็นเฉียบสาดไปทั่วตัว จึงตัวสั่นเทาอย่างอดใจไม่อยู่
ส่วนทางฝั่งภวินท์ก็เหลือบมองภูผาอย่างเย็นชา มือที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำแน่นขึ้นมากอย่างไม่รู้ตัว
เขาช่างสรรหาวิธีได้ดีจริงๆ ตนเองไม่ออกหน้าเพื่อคัดค้าน แค่พ่นออกมาประโยคเดียว ว่าต้องการเชิญบิดามาร่วมวงด้วย ส่วนตัวเขาเองนั้นถอยไปอยู่ด้านข้าง เพื่อรอฉวยโอกาสเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอีกฝ่ายแทน
เขาช้อนตากวาดมองทุกคน พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนพ่อผม”
“คุณภวินท์ พวกเราต่างรู้ว่าผู้ช่วยที่คอยติดตามอยู่ข้างกายคุณ จะเป็นรักครั้งเก่าของคุณพวกเราก็ไม่พูดอะไร แต่ว่าพวกเราไม่มีวันอนุญาตให้คนทรยศอยู่ในบริษัทต่อ”
“ใช่ๆๆ! เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเชิญให้คุณปกรณ์ออกหน้าเพื่อมาจัดการแก้ไขปัญหาถือว่าค่อนข้างเหมาะสมที่สุด”
“ใช่ ผมก็เห็นด้วย”
เวลานั้น ทุกคนต่างบุกถล่มคนของตนเองยับ ต่างเห็นด้วยกับวิธีการของภูผา
ภูผายิ้มแต่ไม่พูดอะไร พลันหันไปมองครามที่อยู่ด้านข้าง เพื่อส่งสัญญาณให้เขา
ครามหันหลังให้และเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งไม่นานนักก็กลับมา พร้อมทั้งโน้มลงกระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหูภูผา ภูผาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดกับทุกคน “อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง คุณปกรณ์จะรีบมาให้ถึงโดยเร็ว ทุกคนอย่าเพิ่งหงุดหงิดกันไป ถึงตอนนั้นทุกคนต้องได้คำตอบที่พอใจอย่างแน่นอน”
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาเกิดความโกรธเคืองพลุ่งพล่าน แต่เวลานี้เอง เขาก็ไร้วิธี ทำได้แค่รอให้ปกรณ์มาถึง
เขาหันไปมองทางญาธิดา พอเห็นดวงตาที่ฉายความสงบของหญิงสาว หัวใจรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาดึงสายตากลับมา และมองไปทางพายุ และกระซิบสั่งการออกไปหลายประโยค
พายุพยักหน้าทันที พร้อมทั้งให้ญาธิดาที่นั่งติดอยู่ตำแหน่งข้างกำแพง จนกระซิบพูด “คุณภวินท์ให้ผมมาแจ้งกับคุณ คุณต้องพูดความจริงเรื่องคุณกับคุณคณิน เขาจะต่อสู้เพื่อใช้โอกาสให้คุณพิสูจน์ตนเองให้หลุดพ้น
ญาธิดากัดริมฝีปาก พร้อมทั้งใช้สายตาสับสนจ้องมองมายังทางฝั่งภวินท์ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและอึดอัด
สุดท้าย เธอก็เหลือบมองพายุ พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ฉันจะพยายามสุดความสามารถค่ะ ”
รอจนพายุเดินออกไปแล้ว ญาธิดาก็นั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับนั่งอยู่บนเข็ม โดยที่ไม่รู้ว่าเหงื่อในมือทั้งสองข้างที่กุมมือกันอยู่มันผุดมาตั้งแต่ตอนไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...