ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 316

“คณิน!”

“คุ...คุณปกรณ์ เขามาได้ยังไง?”

ทุกคนต่างทำสีหน้าตื่นตระหนก ไม่คิดเลยว่าผู้จัดการที่เป็นคู่แข่งที่แย่งโครงการ70ล้านไปจากSTN Group จะกล้าเดิมดุ่มๆเข้ามาอย่างซึ่งๆหน้า แถมยังบุกเข้ามาในห้องประชุมของพวกเขาอีก!

ปกรณ์หันกลับไป จังหวะที่มองเห็นคณินนั้น หน้าดำหน้าแดงทันที ไม่รอให้เขาอ้าปากพูดได้ทัน คณินเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “ได้ข่าวมาว่าการประชุมของพวกคุณในครั้งนี้ต้นเหตุเป็นเพราะว่าผม ผมเป็นตัวละครหลัก แล้วทำไมจะมาไม่ได้ล่ะครับ?”

ราวกับเวลาในชั่วพริบตา เขาก็กลายเป็นคณินที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจคนเดิมอีกแล้ว คำพูดคำจาส่อเสียดหยิกแกมหยอก แต่กลับทำให้คนฟังเข้าใจความหมายเสียดสีในคำพูดนั้นได้

ภวินท์ใช้สายตาเย็นชากวาดตามองคณิน พร้อมทั้งกำชับกับพายุเสียงเข้ม “มีแขกมาเยือน พายุ จัดที่นั่งให้ประธานคณินเร็ว”

การเรียกขานเช่นนี้ กลับทำให้สีหน้าของคณินเย็นเฉียบในชั่วพริบตา

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคณินเป็นผู้จัดการของโครงการJV ซึ่งไม่ใช่คนที่ไม่เป็นโล้เป็นพายคนก่อนนั้นอีกแล้ว คณินคนที่พึ่งพาใบบุญจากครอบครัวในการทำธุรกิจ แต่ภวินท์กลับเรียกขานเขาแบบนี้ ซึ่งปะปนความหมายเยาะเย้ยอยู่ไม่น้อย

คณินเหล่ตามองภวินท์ แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร พร้อมทั้งเหลือบตามองปกรณ์ที่อยู่ด้านข้าง “คุณปกรณ์ครับ การที่ผมมาในครั้งนี้ ก็เพื่อจะอธิบายเรื่องบางอย่างครับ”

เขาพูด พร้อมทั้งเบนศีรษะไปมองญาธิดา และยิ้มให้เธอโดยไม่มีการปิดบัง

รอยยิ้มนี้ จู่ๆก็ทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นที่มีทุนเดิมของญาธิดาผ่อนคลายลงไปเยอะ เมื่อครู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ปัจจุบันทันด่วน จึงส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังคณิน ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาจริงๆ

เรื่องที่เหลือ คณินจะอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่ เธอเองก็ไม่กล้าจะมั่นใจ แต่เรื่องนี้ต้องพนันกันดูสักตั้ง

เธอยิ้มให้คณิน จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงแววตาคมกริบทางด้านข้างที่พุ่งเป้ามาหาเธอ เธอมองแววตาของภวินท์ ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

ถึงแม้ในใจของปกรณ์จะไม่เป็นมิตรก็ตาม ซึ่งก็ไม่สามารถตอบปฏิเสธต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ ทำได้เพียงพูดแสดงความอ่อนข้อให้ “คุณพูดมาเถอะ”

“ผมได้ข่าวมาว่ามีคนบางคนไปตั้งแง่เรื่องที่ผมกับญาธิดาไปช็อปปิ้งและกินข้าวกัน ซึ่งบอกว่าเธอกับผมมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อกัน จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องแผนงานที่รั่วไหลออกไปของบริษัทโดยโยนความผิดให้เธอแทน พร้อมทั้งยังบีบบังคับไล่เธอให้ออกจากงาน”

มีคนตอบรับทันควัน “ไม่มีเรื่องบีบบังคับที่ว่าเกิดขึ้นแน่ พวกเรามีหลักฐานที่เป็นธรรมมากพอในการวิเคราะห์ข้อมูล!”

“มีหลักฐานที่เป็นธรรม” คณินพูดอย่างดูถูกดูแคลน “เดี๋ยวผมจะแสดงอะไรให้ดูว่าอะไรที่เรียกว่าหลักฐานที่เป็นธรรม!”

เขาพูด พร้อมทั้งปรบมือเล็กน้อย ผู้ช่วยที่อยู่นอกประตูของเขาก็รีบเดินเข้ามาทันควัน ในมือถือNotebookมาหนึ่งเครื่อง

คณินพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “นี่คือคลิปกล้องวงจรปิดในร้านเสื้อผ้าที่ผมกับญาธิดาบังเอิญเจอกันเมื่อวานนี้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าพวกเราสองคนไม่ได้นัดหมายกันไว้ก่อน แต่เป็นการพบเจอกันโดยบังเอิญทั้งสิ้น”

เขาพูด พร้อมทั้งเอื้อมมือออกไป ผู้ช่วยก็หันหน้าจอคอมพิวเตอร์มาทางทุกคน จากนั้นก็กดปุ่มPlay

ในกล้องวงจรปิด คณินบุกเข้าไปในร้านเสื้อผ้า พร้อมทั้งสอบถามทางไปห้องลองเสื้อ จากนั้นก็ทุบลงบนประตูห้องลองเสื้อ จนสามารถมองเห็นสีหน้าอาการสงสัยที่ทั้งสองคนเจอหน้ากันได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงอย่างแจ่มแจ้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการนัดหมายกันมาก่อน อีกทั้งทั้งสองคนยังพูดคำว่า “ไม่ได้เจอกันเสียนาน” ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าระหว่างทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวขนาดนั้นตามที่มีข่าวลือมา

เมื่อคลิปวิดิโอเล่นจบแล้ว ในห้องประชุมก็เงียบสงัดในทันที

คณินยกมุมปากขึ้น พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นและกดข้อความหนึ่ง เพื่อแสดงให้ทุกคน “แต่ที่น่าแปลกใจมากก็คือ เมื่อวานนี้ผมได้รับข้อความมาข้อความหนึ่ง มีคนจงใจให้ผมได้เจอกับญาธิดา ซึ่งตรงจุดนี้ก็สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนยื่นมือเข้ามายุ่ง จงใจให้พวกเราสองคนเจอหน้ากัน เป้าหมายก็เพื่อจะแอบถ่ายรูปของพวกเรา นี่ก็คือข้อความอันนั้นแหละ”

เขาพูด พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้คนที่อยู่ด้านข้าง เพื่อให้พวกเขาวนดูข้อความนี้กันอย่างถ้วนหน้า

โทรศัพท์ถูกวนให้คนหลายคนได้เห็น พวกเขาต่างเริ่มเงียบกริบ จนไม่ได้พูดอะไรออกมา คนที่เหลือเมื่อมองเห็นสถานการณ์นี้แล้ว ส่วนใหญ่ในใจก็พอจะคาดเดาได้

รอจนโทรศัพท์ส่งต่อจนวนเกินครึ่งรอบแล้ว คณินก็อ้าปากพูดอย่างไม่รีบร้อน “เมื่อวานนี้ผมกับญาธิดาถูกคนที่สร้างแรงจูงใจในการสร้าง “บังเอิญพบเจอ” แถมยังแอบถ่ายรูป เมื่อเช้านี้ ทางอีเมลของบริษัทของท่านก็ถูกแฮกอีก แถมยังส่งอีเมลในแบบฉบับนั้นออกมา ก็เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจผิด เพื่อให้พวกคุณรู้สึกว่าญาธิดาตกเป็นผู้กระทำความผิดในการทำให้แผนงานรั่วไหล พวกคุณคิดว่า คนที่อยู่เบื้องหลังนี้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยครับ?”

ไม่ต้องกล่าวถึง ทุกคนก็สามารถคิดออก เป้าหมายที่ทำแบบนี้ก็เพื่อจะปกปิดความจริงเอาไว้ แล้วโยนความผิดให้กับแพะรับบาป ถึงสามารถซ่อนคนร้ายตัวจริงได้มิดชิดกว่าเดิม

“ถ้าพวกคุณยังไม่เชื่อคำพูดของผม สามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในร้านเสื้อได้เลยครับ ตอนนั้นพนักงานในร้านก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย พวกคุณสามารถไปถามเธอได้โดยตรง”

คณินชะงักเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดต่อ “กระทั่งวิธีการที่คนบงการเบื้องหลังใช้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือผีก็ตาม พอผมตรวจสอบจนเจอ ไม่มีวันจะปล่อยมันไปแน่! พวกคุณโยนความผิดให้ญาธิดา ไม่เพียงใส่ร้ายเพื่อนผม แถมยังไม่ยอมรับความสามารถของผมด้วย ความผิดนี้ พวกเราไม่ขอแบกรับมันไว้ ถ้ามีใครยังมีคำคัดค้านใดๆอีก ก็มาคุยกันซึ่งๆหน้า เรื่องนี้ ผมจะยุ่งจนถึงที่สุด!”

คณินพูดคำพูดทั้งหมดทั้งมวลนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะในที่ประชุมต่างย่ำแย่ลงไปตามๆกัน

ซึ่งเมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว คำพูดที่คณินเพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นหลักฐานที่มีมูลเหตุตามความจริง พวกเขาไม่มีหลักฐานมากพอที่จะมัดตัวว่าญาธิดาเป็นคนทำให้ข้อมูลรั่วไหล แถมยังดื้อรั้นตั้งแง่ต่อไป เกรงว่าคงเกิดการทะเลาะเบาะแว้งในที่ประชุมจนสถานการณ์หนักขึ้นมาก

หัวคิ้วภวินท์ย่นเข้าหากัน พร้อมทั้งช้อนตามองญาธิดา ดวงตาของหญิงสาวคอยมองแต่คณินอย่างเปล่งประกาย เวลานั้น ในหัวใจของเขาเกิดความรู้แปลกประหลาดตีขึ้นมา

คณินที่อยู่ทางนั้นเหล่มองปกรณ์อย่างไม่รีบไม่ร้อน “ คุณปกรณ์ คุณรู้สึกว่ายังไงครับ?”

ปกรณ์สีหน้าเคร่งขรึม พร้อมทั้งเอามือไพล่หลัง พอได้ยินก็กระแอมลำคอจนเสียงดังฟังชัด และพูดออกมา “คุณคณินพูดถึงขั้นนี้แล้ว งั้นผมย่อมไม่มีข้อคิดเห็นใดๆอีกแล้ว”

คณินหัวเราะร่า พร้อมทั้งมองมาทางคนอื่น “ท่านใดยังมีข้อคิดเห็นอีกครับ? ผมยินดีจะแก้ปัญหาจนถึงที่สุดครับ”

ปกรณ์คุณปกรณ์ของบริษัทก็พูดออกมาแล้ว ผู้บริหารระดับสูงรวมถึงเหล่าผู้ถือหุ้นย่อมไม่สามารถพูดอะไรได้อีก คนที่ดูคึกคะนองหลายคนก่อนหน้านี้ต่างก็ก้มหัวลง และไม่พูดไม่จา

คณินยกมุมปาก พร้อมทั้งช้อนตามองมาทางญาธิดา และสบตากับเธอ พร้อมทั้งเลิกคิ้วให้ และกะพริบตาให้

ลักษณะท่าทางเช่นนี้ ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นเกมและได้รับชัยชนะจนแสดงความสนุกสนานให้เห็น ทั้งน่ารักและซุกซน มีแต่อารมณ์ความเป็นเด็กอย่างสมบูรณ์แบบ

อาการตื่นเต้นที่อัดแน่นอยู่ในใจของญาธิดาก็ปลดล็อกไปได้เกินครึ่ง เมื่อเห็นคณินทำหน้าตาผีหลอกให้เธอ จนอดยิ้มไม่ได้

อีกทาง ปกรณ์เหล่ตามองภวินท์ พร้อมทั้งพูดอย่างเรียบเฉย “แกจัดการสรุปเอาเถอะ ฉันจะไปรอแกที่ห้องทำงาน”

เขาพูดจบ ก็พยักหน้าให้คณิน จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกจากห้องประชุมทันที

พอคนหนึ่งเดินออกไป ในห้องประชุมกับเงียบกริบหนักกว่าเดิม ราวกับถ้ามีเข็มสักอันตกลงมาก็สามารถได้ยินเต็มสองรูหู

ผ่านไปชั่วครู่ ภวินท์ถึงอ้าปากพูดอย่างเย็นชาออกมา “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านกันแล้วนะครับ ส่วนเรื่องระบบอีเมลของบริษัทผมจะให้ทางฝ่ายเทคนิคควบคุมให้มากขึ้นกว่าเดิม ญาธิดาก็ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิมต่อไป ส่วนเรื่องคำซุบซิบนินทาที่ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ อย่าให้แพร่ออกไปจากห้องนี้”

เขาพูดจบ ก็ชูมือขึ้นเคาะลงบนหน้าโต๊ะ และพูดกล่าวเสียงเข้ม “เลิกประชุม”

พอเขาพูดจบประโยค ก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งกำชับพายุ “ไปส่งคุณคณินด้วย”

เมื่อเขาพูดเสร็จ ก็ก้าวเท้ากว้างๆเดินมุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอก แถมยังไม่เหล่มองญาธิดาสักนิดด้วยซ้ำ

หัวใจญาธิดาหนักอึ้ง จนรู้สึกไม่สงบจิตสงบใจ

คณินที่อยู่ด้านข้าง ก็มองมาทางพายุ “คุณไม่ต้องไปส่งหรอกครับ”

เขาพูดจบ ก็เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างของญาธิดา พร้อมทั้งเชิดปลายคางให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและกล่าวออกมา “คุณไปส่งผมนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์