ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 33

เมื่อได้ยินคำว่า “ภรรยา” นั้น ญาธิดาตะลึงก่อนเป็นอันดับแรก พลันรู้สึกตลกตามมา

เธอเป็นภรรยาของภวินท์จริงๆ แต่เป็นเพียงในนามเท่านั้นเอง ส่วนที่ชื่อว่านิวราเป็นใครกันแน่ แล้วตกลงว่าอยู่ในลักษณะแบบไหน ซึ่งเธอไม่รู้อะไรที่แน่ชัดตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ญาธิดายิ่งรู้สึกจุกอกอีกครั้ง บวกกับเธอเพิ่งจะตื่นนอนจนอยู่ในสภาพงัวเงีย จึงเกิดความกล้าบ้าบิ่นขึ้นมาชั่วขณะ

เธอเบนสายตาหนี และบ่นพึมพำ “ก็แค่ในนาม...”

ภวินท์นั่งอยู่ขอบเตียง แม้ว่าเสียงของหญิงสาวจะไม่ดังสักเท่าไร ทว่าเขากลับได้ยินชัดเจนทุกถ้อยทุกคำ จนเขาต้องขมวดคิ้วทันที และกุมมือเธอไว้แน่น “ใครพูดว่าในนามเหรอ?”

สิ่งที่สามีและภรรยาต้องทำกันพวกเขาก็ทำกันมาแล้ว แล้วจะถือว่าอยู่แต่ในนามได้ไหมล่ะ

ญาธิดาพูดด้วยอารมณ์โมโห “ฉันพูดเอง”

ปากก็พูดไปแบบนี้ ทว่าเธอไม่มีความกล้าหาญพอจะเหลือบมองดวงตาของเขา ทันใดนั้น ปลายคางของเธอก็เกร็งทันที เพราะถูกคนบีบให้หันมาทางนี้ จึงเห็นใบหน้าอันสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของชายหนุ่มพอดิบพอดี

แม้ว่าในวันปกติญาธิดาจะมีโอกาสใกล้ชิดภวินท์ ครั้งนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนสบตากันอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ เวลานั้นเอง เธอเกิดอาการกระวนกระวายใจ จนหัวใจเต้นรัวจนไม่สามารถควบคุมไว้ได้

“คุณ...”

เผยอริมฝีปากเล็กน้อย “สิ่งที่ควรทำก็ทำไปแล้ว แล้วจะถือว่าไม่ใช่สามีภรรยากันได้ยังไงกัน?”

ญาธิดาหัวใจเคร่งขรึมลงหนักหน่วง ใบหน้าแดงระเรื่อทันที ในหัวสมองพลันผุดเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสวีทAmaya Hotel ของพวกเขาในครั้งนั้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ดูเหมือนว่า... มันเป็นเช่นนั้นตามจริง

ญาธิดากัดริมฝีปาก แต่กลับไร้ความสามารถในการโต้ตอบ ใบหน้าแดงซึ่งไม่ใช่เพียงอาการเขินอายแต่ยังโมโหด้วย เธอผลักมือของภวินท์ออกอย่างกระวนกระวายใจ จึงใช้ความโกรธพูดออกมา “ฉันไม่กลับ วันนี้ฉันไม่กลับ!”

ยังไม่ทันพูดจบประโยค จู่ ๆ ภวินท์ก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ญาธิดาแค่รู้สึกว่าด้านหน้ามีเงามาปกคลุม จึงหันหน้ากลับไปมอง ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะก้มตัวลงและเอนใบหน้าเข้าหาทางด้านหน้า

ซึ่งไม่รอให้เธอได้ตั้งสติแต่อย่างใด ชายหนุ่มจึงอุ้มเธอทันที และหันหลังอย่างไม่ต้องใช้กำลังสักนิด

เธอเตรียมจะขัดขืน แต่ภวินท์ราวกับคาดเดาถึงวิธีการเช่นนี้ได้ จู่ ๆ ก็เอนเข้าหาใกล้ๆ พลางกระซิบพูดข้างหู “ไม่กลับไปพร้อมกับผม งั้นคืนนี้ผมก็ต้องนอนที่นี่แล้วนะ พ่อตาแม่ยายก็คงไม่รังเกียจที่ผมจะนอนที่นี่ แม้เตียงคุณจะเล็กไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรเบียดกันนอนก็ได้”

ญาธิดาตะลึงชั่วขณะ วินาทีต่อมาอายจนไม่อยากจะเงยหน้าขึ้น

เขา...เขาพูดคำพวกนี้ออกมาได้ยังไงกัน!

ภวินท์กอดเธอเอาไว้ แต่ไม่แสดงท่าทางกังวลใจหรือรีบร้อน พลันก้มหน้าลงเพื่อเป็นการสอบถาม “งั้น จะกลับไปกับผมหรือเปล่า?”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ญาธิดาขี่หลังเสือแล้วลงยาก แม้ว่าเธอไม่ยินยอมก็จำต้องยอม อีกทั้งตอนนี้เธอได้จดทะเบียนสมรสกับภวินท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ เดี๋ยวคุณหญิงปภาวีต้องให้พวกเขาอยู่ห้องเดียวกันแน่

เรื่องนี้มันก็ไม่เท่ากับการตกหลุมพรางกับดักที่ตัวเองขุดไว้หรอกเหรอ!

ภวินท์โน้มศีรษะลงอย่างมีความอดทน พลางพูดว่า “หือ? จะกลับหรือไม่กลับ?”

ญาธิดาราวกับกัดฟันและพูดให้คำตอบออกมา “กลับ...”

ตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

“ดี” ภวินท์กระตุกมุมปากอย่างพอใจ และสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปด้านนอก

เมื่อออกมาจากห้องนอนแล้ว คุณหญิงปภาวีกับดร.ยติภัทรต่างรออยู่หน้าห้องนอน พร้อมทั้งประหลาดใจมากกับความเงียบเชียบของพวกเขา

ภวินท์กอดญาธิดาไว้ไม่ยอมปล่อย พลางมองและพูดกับพวกเขา “คุณพ่อ คุณแม่ วันนี้ผมผิดเอง ที่ไปยั่วจนทำให้ธิดาโกรธ ตอนนี้พวกเราคุยกันแล้ว ผมจะพาเธอกลับบ้าน พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

“ดีเลย!” คุณหญิงปภาวีลุกพรวดทันที พลางเหล่ตามองญาธิดาที่ถูกอุ้มอยู่ สีหน้าไม่ปกปิดรอยยิ้มไว้สักนิด “ธิดา ลูกเองก็ขี้โมโห ลูกต้องรู้จักสถานะของตนเองในเวลานี้ให้ชัดเจน รู้เรื่องไหมเนี่ย!”

ใบหน้าของญาธิดาซุกอยู่กลางแผงอกของภวินท์ เกรงว่าคุณหญิงปภาวีกับดร.ยติภัทรจะเห็นใบหน้าที่แดงแจ๋ของเธอ จึงตอบเพียง “ค่ะ”

คุณหญิงปภาวีเตรียมจะพูดกำชับอีกหลายคำ ทว่าไม่คิดว่าดร.ยติภัทรจะห้ามเอาไว้ เขามองมาทางภวินท์กับญาธิดาและพูดเสียงกระซิบกระซาบ “พอแล้ว ทางนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นพวกลูกก็กลับกันไปเถอะ รออีกเดี๋ยวมันจะดึกมากเกินจะเดินทางไม่สะดวกเอา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์