นิวรายืนอยู่ที่เดิม จ้องมองรถที่วิ่งออกไปไกลเรื่อยๆ ด้วยความอึ้งไปเล็กน้อย
เธอคิดถึงแผนการทั้งดีที่สุดและแย่ที่สุดไว้ในใจก่อนแล้ว และเธอก็คิดเอาไว้ว่าภวินท์จะปฏิเสธ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้กับเธอ
อย่าทำอะไรให้เขาผิดหวังอีก...
หรือว่า ทุกเรื่องที่ทำกับเขาก่อนหน้านี้เขารู้หมดแล้ว
ความคิดนี้ราวกับสายฟ้าฟาดระเบิดใส่หูเธอ ทำให้เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ไม่นานเธอก็สงบลงและวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล
ถ้าภวินท์รู้แล้วว่าเธอเป็นคนปล่อยร่างแผนงานรั่วไหล เขาก็คงไม่มีท่าทีแบบนี้กับเธอ ดังนั้นท่าทีของเขาแสดงให้เห็นว่าเขายังไม่รู้เรื่องที่เธอทำ แต่เขาแค่สงสัยเธอไม่มากก็น้อย...
ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไป เธอจะทำอะไรต้องระมัดระวังมากขึ้น
มือของนิวราที่ตกอยู่ข้างกายค่อยๆ กำแน่น สีหน้าก็ซีดเล็กน้อย เธอเกิดความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในใจ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรออกทันที
ไม่นาน เสียงของชยินก็ดังมาจากปลายสาย “ฮัลโหลครับคุณหนู มีอะไรหรือเปล่าครับ”
นิวราสูดหายใจเข้าลึก และพูดด้วยเสียงต่ำ “นายต้องจำไว้ให้ดีว่าทำอะไรอย่าหลงเหลือร่องรอย พี่วินเหมือนจะเริ่มสงสัยฉันแล้ว”
ปลายสายนิ่งไปหลายวินาที จากนั้นชยินก็พูดว่า “งั้นคุณหนู เรื่องญาธิดาคุณอยากชะลอไว้ก่อนไหม”
ดวงตานิวราเกิดประกายเย็นชาวาบ แทบจะไม่มีความลังเล น้ำเสียงที่ตอบกลับมีความหนักแน่น “ไม่จำเป็น ทำตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้!”
เธออยากเห็นสัตว์เดรัจฉานในท้องของญาธิดาหายไปทันที แม้แต่วินาทีเดียวเธอก็ไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น คราวนี้เธอต้องการเห็นญาธิดารับผลกรรมด้วยตาของตัวเอง!
อีกด้าน ญาธิดาไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย
จากที่คิรินตกลงกับเธอว่าจะเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องแบรนด์redeurกับเอเจนต์ ทางญาธิดาก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ อีก อยู่เฉยๆ สองวันเต็มในแผนกธุรการ เธอหางานทำไม่ได้ กระทั่งวันที่สาม ในที่สุดข่าวจากคิรินที่เธอรอก็มาถึง
“วันนี้ผู้ช่วยผมขอลา คุณมาช่วยผมที่กองถ่ายหน่อย”
เมื่อได้รับข้อความนี้ ญาธิดาแทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ไม่อยากเชื่อว่าคิรินจะถือว่าเธอเป็นผู้ช่วยฟรีๆ ที่เรียกใช้เมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน
แม้ใจเธอสุดแสนจะลังเล แต่ทันทีที่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเจรจาข้อตกลงเรื่องพรีเซนเตอร์ เธอจึงกัดฟันรีบออกจากบริษัทไป
ใครจะรู้ว่าวันที่ไปเป็นวันเดียวกับที่ต้องถ่ายฉากกลางคืนพอดี และอุปกรณ์ประกอบฉากในกองถ่ายเกิดมีข้อผิดพลาดอีก จึงล่าช้าเลื่อนออกไป ฉากกลางคืนจึงถ่ายทำหลังห้าทุ่ม
“เลิกกอง”
ในที่สุดก็มีประกาศจากทีมผู้กำกับ
คิรินที่สวมชุดแต่งกายออกจากฉาก เห็นญาธิดาซึ่งอยู่ตรงเก้าอี้นอนมีท่าทางงัวเงียแล้ว สัปหงกไหวเอนไม่หยุด
คิรินอมยิ้ม เดินย่องเข้าไปหาเธอ ค่อยๆ ยื่นมือไปใกล้หน้าผากของเธอ จากนั้นเล็งตรงหน้าผากเธอแล้วดีดอย่างแรง!
เกิดเสียงดัง “ป๊อก” ญาธิดารู้สึกเจ็บที่หน้าผากทันที เธอตื่นขึ้นมาและดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ใครจะรู้ว่าจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ตรงหน้า
คิรินกำลังแต่งหน้าอยู่ แต่ผิวกลับดีมาก เคลือบด้วยแป้งหนา แต่ผิวกลับไม่กระดำกระด่าง ญาธิดาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ลืมความเจ็บปวดที่หน้าผากไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นแล้วหรือยังอยู่ในความฝัน
“ยังไม่ตื่นเหรอ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แวบเข้ามาในแววตาของคิริน ยื่นมือขวาไปเล็งตรงหน้าผากของเธออีกครั้ง “ถ้างั้นก็ต้องอีกที...”
“อย่า!”
ญาธิดาตื่นในฉับพลัน ยกมือขึ้นผลักมือเขาออก ขมวดคิ้วพลางลูบหน้าผาก
“เอาล่ะ เลิกกองแล้ว เห็นแก่ที่วันนี้คุณทุ่มเทเพื่อผม ผมจะเลี้ยงบาร์บีคิวกับเบียร์คุณ”
“ฉันไม่ไป” ญาธิดาตื่นแล้วลุกขึ้น “ถ้าคุณอยากขอบคุณจริงๆ ก็ลงนามพรีเซนเตอร์”
คิรินยิ้มและขยิบตาให้เธอ “ได้ ผมจะลองพิจารณาดูนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...