ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 343

ญาธิดาให้เวลากับตัวเอง มีเวลาแค่สามวัน

สามวันนี้ เธอต้องยึดตามความต้องการของภวินท์ พูดเกลี้ยกล่อมคิรินเป็นพรีเซนเตอร์และเซ็นสัญญา ต้องอาศัยเวลาในช่วงสามวันนี้เหมือนกัน เรื่องที่วางแผนออกจากเมือง J

แค่อาศัยท่าทีของภวินท์ตอนนี้ที่มีต่อเธอ เธอก็เดาได้แล้ว ภวินท์ไม่รับลูกในท้องของเธอแน่ ๆ ดังนั้นเธอจำเป็นต้องพาลูกคนนี้ออกจากเมือง J เลือกไปสถานที่ที่หนึ่งที่ภวินท์หาไม่เจออย่างแน่นอน

แต่ทว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ เวลาสามวันก็ไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ดร.ยติภัทรยังอยู่โรงพยาบาล เรื่องวุ่นวายอื่นๆ กองรวมไว้ด้วยกันอีกแล้ว ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะปวดหัว

เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการทันที คือต้องเจรจาเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์ให้เสร็จก่อน เรื่องอื่นๆค่อยว่ากัน

เช้าตรู่ ญาธิดารีบรุดไปredeurทันทีเจอกับผู้จัดการใหญ่ใช้นามของภวินท์รับสัญญาพรีเซนเตอร์ที่ร่างไว้เรียบร้อยแล้วที่แผนกกฎหมายของบริษัท

ก่อนจะเดินออก เธอหยิบเอกสารมายืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า “ คุณจอส ฉันอยากจะถามสักหน่อย ถึงตอนนั้นคุณคิรินเซ็นชื่อในสัญญาแล้ว เอกสารฉบับนี้ถือว่ามีผลบังคับใช้แล้วหรือยัง”

คุณจอสของredeurพยักหน้า พูดด้วยเหตุผลว่า “ ใช่ เซ็นชื่อก็จะมีผลบังคับใช้”

“ แต่ทว่า......” เขาลังเลเล็กน้อย “ ทำไมไม่ให้คุณคิรินมาที่บริษัทเลยทำความเข้าใจสถานการณ์การเซ็นสัญญาส่วนนี้สักหน่อย”

ญาธิดาหัวเราะ พูดแบบสง่าผ่าเผยว่า“คุณจอสคงจะไม่รู้ว่าคุณคิรินช่วงนี้งานเยอะมาก ไม่มีเวลาแม้แต่นิดเดียว ถ้ายึดตามที่เขาพูดว่ามีเวลาว่างแล้วค่อยมา กลัวแค่ว่าก็จะไม่ทันถ่ายภาพโฆษณาสินค้าใหม่ในช่วงฤดูกาลต่อไป ดังนั้นฉันก็แค่ลำบากนิดหน่อย เป็นคนกลางวิ่งไปมา ทำเรื่องนี้ให้เสร็จ”

เมื่อคุณจอสได้ฟัง พยักหน้า ก็ไม่ทันคิดอะไรมากมาย หัวเราะกับญาธิดา “ งั้นก็รบกวนคุณแล้วกัน”

“ ไม่รบกวนค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ”

ยิ้มและพยักหน้ากับคุณจอส ญาธิดาหยิบสัญญาเดินออกไป

ถ้ายึดตามครั้งก่อนตอนที่พบกับคิรินเขาตอบรับเธอ อย่างน้อยก็ต้องรอถึงสัปดาห์หน้า พอถึงตอนนั้นก็เลยเวลาที่เธอกับภวินท์ตกลงนัดกันในสามวันแล้ว

ดังนั้น เธอจำเป็นต้องลงมือทำด้วยตนเอง พยายามหาทางออกเรื่องพรีเซนเตอร์ให้เร็วที่สุด

พอคิดแบบนี้ ญาธิดาก็เร่งฝีเท้าเดินให้เร็วโดยไม่รู้ตัว แต่ใครจะไปรู้ว่าเดินไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ภาพตรงหน้ามืดมิด เริ่มรู้สึกเวียนศีรษะ

ญาธิดาเซไปสองสามก้าว ยื่นมือไปจับกำแพงที่อยู่ข้างๆไว้แน่น ถึงจะไม่ล้มสลบ เธอเปิดตา เห็นภาพตรงหน้าเป็นดาวที่พุ่งมาจากด้านบน

เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ทำไมจู่ ๆ เป็นแบบนี้ได้

ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีพรั่งพรูออกมาในใจ เธอกัดฟันชั่วครู่ ยืนรออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ ถึงจะดีขึ้นหน่อย

มีอะไรที่แว็บเข้ามาในหัวเธออย่างรวดเร็ว เธอสูดหายใจ ทันใดนั้นนึกถึงวันนั้นหลังจากที่เธอเจาะเลือดเสร็จ คล้ายกับอาการวิงเวียนศีรษะแบบนี้เหมือนที่ผ่านมา

หรือว่าเป็นเพราะเจาะเลือด

ในหัวได้มีความคิดออกมาแบบนี้ ญาธิดาแปลกใจเล็กน้อย เธอก้มศีรษะ ดูท้องน้อยที่ราบเรียบของตัวเอง ความระแวงในใจก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

ถ้าเจาะเลือดมีผลกระทบกับร่างกายของเธอจริงๆละก็ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าจะมีผลกระทบกับทารกในท้องของเธอ

เมื่อคิดแบบนี้ ญาธิดาเริ่มเครียดขึ้นมาทันที

เธอกัดฟัน ไม่กล้าคิดต่อไป

งั้นดีที่สุดหรือเธอต้องไปโรงพยาบาลตรวจดูสักหน่อยถึงจะดี

ถ่วงเวลาอยู่ชั่วครู่ เธอสูดหายใจลึกๆ ตัดสินใจแน่วแน่ เก็บสัญญาเอาไว้ทันที มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ก้าวแรกของญาธิดาเพิ่งจะเดินเข้าไปโรงพยาบาล ภูผาฝั่งนั้นก็ได้รับข้อความทันที

เขานั่งบนวีลแชร์ กำลังมองดูเกล้าแก้วที่กำลังยกกระถางต้นไม้ไปมาที่สวนดอกไม้ด้านนอก ฟังที่ครามรายงานข่าวล่าสุดให้กับเขา

“ดูเหมือนว่าช่วงนี้หล่อนไปโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ”

ขณะที่เขาพูด หันไปมองนกแก้วสายฟ้าที่ยืนอยู่บนชั้นที่อยู่ข้างๆ โยนอาหารนกป้อนให้นิดหน่อย

“ปัญหาหลักคือหล่อนไม่ได้ไปโรงพยาบาลเดียว บางครั้งไปเยี่ยมพ่อ ครั้งก่อนเป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”

ภูผานิ่งไปชั่วครู่ นึกอะไรออกทันที กระตุกมุมปากพูดว่า “ ได้ยินมาว่า วันนี้ที่หล่อนไปแผนกนรีเวชของโรงพยาบาลนี้มีชื่อเสียงของเมือง J เหรอ”

ครามตะลึง ไม่นานก็ได้ตอบโต้มา “ ครับ พูดกันว่าดีที่สุดของเมืองJ”

เมื่อฟังที่เขาพูดแบบนั้น ภูผาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา สายตาหยุดอยู่ที่ร่างกายของเกล้าแก้ว รัศมีส่องประกายทันที

ไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ เขาค่อยๆนั่งตัวตรง มองที่เกล้าแก้วพูดว่า “คุณเกล้าแก้ว คุณมานี่หน่อย ”

เมื่อเกล้าแก้วได้ยิน ปัดดินที่อยู่ในฝ่ามือทันที ลุกขึ้นและยิ้มเดินตรงมาหาเขา “ เป็นอะไรคะคุณภูผา”

ภูผาค่อยๆหยิบผ้าขนหนูเปียกที่สะอาดที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ส่งให้หล่อน “ เช็ดมือหน่อย”

เกล้าแก้วยิ้มและรับ เมื่อเช็ดมือสะอาด ถามอีกรอบว่า “ คุณภูผา ช่วงนี้คุณไม่ต้องการจะออกไปข้างนอกเลยเหรอ ไม่เช่นนั้นพวกเราเดินออกไปข้างนอกหน่อยไหม”

ภูผามองหล่อน ถามกลับว่า “ รู้สึกว่าอยู่ที่บ้านอึดอัดเหรอ”

เกล้าแก้วก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแบบเขินอายว่า “ มีนิดหน่อยค่ะ ”

“พอดีเลย มีหนึ่งภารกิจ คุณจะทำไหม”

เมื่อเกล้าแก้วได้ยิน สายตาแวววับ “ ภารกิจอะไรคะ”

“คุณกับญาธิดาเป็นเพื่อนสนิทกันไหม”

ได้ฟังที่ภูผาพูดถึงญาธิดา เกล้าแก้วตกใจ นิ่งไปสองวินาที ถึงจะพยักหน้า “ พวกเรารู้จักกันนานแล้ว”

ภูผาหัวเราะเบาๆ “ มีเรื่องนึง ฉันอยากจะขอให้คุณช่วยฉัน”

เกล้าแก้วยิ่งแปลกใจมากขึ้น “ เรื่องอะไร”

“ฉันได้ยินมาว่าหล่อน........”

ภูผาอธิบายให้เกล้าแก้ว สีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไปในทันที “ แบบนี้ไม่ค่อยจะดีนะคะ”

“ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องของหล่อนคนเดียว เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข่าวตระกูลสถิรานนท์ของพวกเรา”

ภูผานิ่งไปชั่วครู่ สีหน้าแสดงความผิดหวัง “ คุณก็รู้ พี่ใหญ่ของฉันไม่ถูกกับฉันเลย แต่ฉันเกรงใจเขามาก เรื่องของเขาก็คือเรื่องของตระกูลสถิรานนท์ เรื่องของตระกูลสถิรานนท์ฉันก็ไม่สามารถนั่งดูเฉยๆได้ และตอนนี้ มีแค่คุณที่ช่วยฉันได้”

น้ำเสียงของผู้ชายดูจริงใจ แสดงออกถึงความจริง ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะปฏิเสธจริงๆ

เกล้าแก้วลังเลอยู่ในใจ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง แต่พอมองสายตาคู่นั้นของผู้ชาย คำที่ปฏิเสธยิ่งกลับพูดไม่ออก

เธอสูดหายใจลึกๆ ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว พยักหน้า “ ฉันช่วยคุณ แต่ครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะธิดาก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันทำแบบนี้ รู้สึกไม่ดีกับหล่อน........”

เมื่อได้ยินที่เกล้าแก้วรับคำ ภูผากระตุกมุมปาก จับมือหล่อนขึ้นมาแบบเป็นธรรมชาติ บีบที่ฝ่ามือนุ่มๆของหล่อนเล็กน้อย พูดเบาๆว่า “ฉันก็รู้ว่าคุณต้องรับคำแน่ ๆ ”

เกล้าแก้วยิ้ม “ งั้นฉันไปตอนนี้เลยนะ”

“ ไปเถอะ ฉันให้ครามไปส่งคุณ”

“ ค่ะ”

ไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง ครามขับรถอย่างเร็ว ส่งเกล้าแก้วที่โรงพยาบาล

เกล้าแก้วถึงโรงพยาบาล โทรศัพท์หาเพื่อนของตัวเองคนหนึ่ง ตรวจสอบญาธิดากับแผนกทั้งหมด รีบเดินไปตรงนั้นทันที

เป็นไปอย่างที่คิด ขณะที่รอรายงานการตรวจอยู่ที่มุมพักผ่อน ไม่นานหล่อนก็เห็นญาธิดาที่นั่งอยู่ทางนั้น

หล่อนสูดหายใจลึกๆ นึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่ภูผาพูดกับหล่อน กัดฟันอยู่พักหนึ่ง รวบรวมความกล้า เดินตรงไปทางนั้น

หล่อนตั้งใจอ้อมไปทางด้านหลังของญาธิดา หลังจากนั้นเจตนาเรียกเบาๆด้วยความแปลกใจ “ ธิดา”

เมื่อญาธิดาได้ยิน หันมาทันที ตอนที่เห็นเกล้าแก้ว สีหน้าแสดงความดีใจและแปลกใจ เธอลุกขึ้นยืนทันที “ แก้ว ทำไมแกมาอยู่ที่นี่”

เกล้าแก้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ ฉันมาหาเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อกี้เห็นแกกำลังนั่งอยู่ตรงนี้ ยังคิดว่าตัวเองตาลายมองผิด ไม่คิดว่าจะเป็นแกจริงๆ ”

หล่อนหัวเราะเดินไปหา จูงมือญาธิดาถามว่า“ ธิดา แกมาโรงพยาบาลทำอะไร ป่วยเหรอ”

ญาธิดาโดนหล่อนถามแบบนี้ตอบไม่ถูก อ้าปาก พูดแบบลังเลว่า“ ฉัน......ฉันมาตรวจสุขภาพนิดหน่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์