ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับม่านที่มืดทึบ ครอบคลุมทั่วทั้งทะเลจากปลายฟ้า ลมทะเลพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นทะเลม้วนขึ้นราวกับสัตว์ประหลาด ซัดเข้าประภาคารอย่างแรง
ญาธิดารู้สึกแค่ว่าผิวบนร่างทุกตารางนิ้วนั้นหนาวเย็นสุดๆ น้ำทะเลขึ้นมาจนมิดหน้าอกเธอแล้ว ความกดอากาศนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าว่าการหายใจลำบากขึ้น
จากลมแรงที่พัดมา เม็ดฝนขนาดใหญ่ก็หยดเทลงมา คลื่นในทะเลก็ยิ่งถาโถมแรงขึ้นไปอีก แม้แต่กระแสน้ำก็คลื่นตัวเร็วขึ้น
ญาธิดามองไปทางชายฝั่ง ตรงนั้นมืดไปหมด มีเพียงถนนที่ไกลออกไปหน่อยที่มีแสงสว่างเล็กน้อย แสงสว่างน้อยๆเหล่านั้น ในเวลานี้ ก็ปลอบประโลมเธอไม่ได้
เนื่องจากร่างกายที่เริ่มชา สติก็เช่นกัน หัวของญาธิดาก็ยิ่งมึนมากกว่าเดิม คลื่นลูกใหญ่กระทบมา เธอก็ด้านหน้าเธอมืดมิด และสลบไป
ที่ไม่ไกล บนทะเลที่ห่างออกไปหนึ่งไมล์ ภวินท์ยังคงดิ้นรนว่ายไปข้างหน้า แต่ไม่นาน เนื่องด้วยฝนที่จู่ๆก็ตกเทลงมา แขนขาของเขาขึงหนักราวกับตะกั่ว ยิ่งขยับยิ่งหนัก
พลังงานความร้อนในร่างกายของเขาค่อยๆหมดลง แขนขาของเขาเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเครื่องกล ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเขารู้สึกว่าร่างกายนั้นเริ่มไม่ฟังคำสั่งจากสมองแล้ว
ทักษะว่ายน้ำเขาดีมาก เขาเคยผ่านการฝึกว่ายน้ำเมื่อฝึกก็ต้องว่ายสองชั่วโมงกว่า แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ทะเลสำหรับเขาแล้ว มีความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่เขาสิบกว่าขวบ เป็นคืนที่ฝนตกแบบนี้ เขาเกือบจะสิ้นชีวิตอยู่ที่ทะเลนี้ หลังจากนั้น เขาก็หวาดกลัวทะเลแบบนี้เล็กน้อย ยิ่งกลัวความรู้สึกที่ว่ายน้ำในทะเลลึกแบบนี้
แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยได้รับการฝึกฝนหลายรูปแบบ เคยโดนแทง เคยโดนยิง แต่ก็ไม่เคยหวาดกลัวมาก่อน แต่สำหรับการหวาดกลัวทะเลแล้ว มันคือแผลเป็นนับสิบปีที่เขาไม่เคยกล้าเปิดมันเลย
คนที่รู้เรื่องนี้ ก็มีแค่แม่ที่เสียไปแล้วกับปกรณ์ นอกจากนั้น เขาก็ไม่ได้บอกใครเลย
ตอนว่าตอนนี้ ร่างกายที่แช่ในน้ำที่เย็นเฉียบ โดนลมทะเลปกคลุม ฝนก็เทลงมาโดนร่างเขาไม่หยุด ความหวาดกลัวในการตายนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เขาหายใจเข้าลึก เงยหน้ามองประภาคารที่ห่างออกไปไม่ไกล อยากจะว่ายให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เร็วขึ้นกว่านี้ แต่ว่าลำคอก็ราวกับมีมือใหญ่ล่องหนมาขัดเอาไว้ ยิ่งว่ายยิ่งทรมาน
จู่ๆ แขนขาของเขาก็แข็งไปหมด ว่ายไม่ไปแล้ว ร่างกายหนักอึ้งราวกับก้อนหินจมลงด้านล่าง
วินาทีที่ทั่วร่างจมลงน้ำทะเลจนมิด ทั้งโลกก็เงียบสงัด วินาทีนั้น ในหัวของภวินท์ก็มีภาพนึงแวบขึ้นมา
ผู้หญิงคนนั้น เธอกำลังหัวเราะ ร้องไห้ น่ารัก เศร้าโศก ภาพต่างๆแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับฉายหนัง
แนวความคิดในการเอาตัวรอด ก็ปะทุขึ้นมากในขณะนั้น เขากัดฟัน พยายามบังคับร่างกาย ให้ค่อยๆว่ายต่อไปข้างหน้า......
อีกไม่ไกล เขาจะพบเธอแล้ว!
แสงของประภาคารส่องสว่าง ค่อยๆ ใกล้เข้ามา มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เขาก็เข้าใกล้ตัวประภาคารแล้ว เมื่อเห็นบนราวบันไดที่อยู่ใกล้ๆนั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของญาธิดา!
เขาลนลาน มีเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ข้างหูเขา เขากัดฟันกรอด และว่ายอ้อมไปอีกทางของประภาคารต่อไป
เมื่ออ้อมมายังอีกฝั่ง เขาถึงได้เห็นญาธิดาที่ถูกมัดไว้กับราวบันได น้ำทะเลขึ้นมาจนมิดคางของเธอแล้ว เธอนั้นไม่มีสติแล้ว เบลอไปหมด
ภวินท์ขมวดคิ้ว และว่ายเข้าไปอย่างเร็วในทันที เขายื่นมือไปคว้าราวบันไดเอาไว้ และร้องเรียก “ญาธิดา! ฟื้นสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...