ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 386

หัวหน้าผู้กำกับก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ ญาธิดาจะเข้ามาคุยเรื่องนี้แบบจริงจังขนาดนี้ เขารีบลุกขึ้นพลางพูดเกลี้ยกล่อมเธอ “มา ธิดา นั่งดื่มน้ำสักหน่อยก่อน”

“พวกเราต่างก็ยอมรับในความสามารถของเธอนะ เพียงแต่ว่าทางคุณภวินท์ก็แค่อยากให้คุณภาพมันดียิ่งขึ้นกว่าเดิมไง ยังไงทุกคนก็ทำงานด้วยกัน ต่างก็เข้าใจกัน มีอะไรก็ค่อย ๆ คุยกันได้จริงไหม”

ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ และยังคงยืนกรานว่า “เวลาไม่เคยคอยใคร ทางฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ถ้ามันกินเวลานานจนเกินไป ก็คงทำได้แค่รอร่วมมือกันครั้งหน้าเท่านั้นค่ะ”

พูดจบเธอก็หันหลังกลับ ก่อนจะเดินตรงไปทางที่อีธานกับเอลล่านั่งอยู่

เรื่องที่เธอตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แน่นอน ยิ่งเวลายืดเยื้อออกไปนานเท่าไหร่ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น เธอไม่กล้าเสี่ยง และไม่สามารถเดิมพันในครั้งนี้ได้

ไม่รู้เป็นเพราะว่าสิ่งที่เธอพูดไปวันนี้ได้ผลหรือว่าอะไร เพราะหลังจากถ่ายทำเสร็จอีกสองชุด ทางผู้กำกับส่งไปให้ภวินท์ตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ถูกตีกลับมาอีก

วันรุ่งขึ้น หัวหน้าผู้กำกับแจ้งกับญาธิดาว่าภาพตัวอย่างผ่านแล้ว ต่อไปก็สามารถเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการได้

ญาธิดายืนอยู่ในพื้นที่การถ่ายทำ มองดูเด็กทั้งสองคนถ่ายทำอย่างลื่นไหลคล่องแคล่ว เห็นแบบนี้แล้วเธอก็รู้สึกมีความสุขและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

เธอไม่เคยคาดหวังเลยว่าพวกเขาจะสามารถทำเงินให้เธอได้มากน้อยแค่ไหน เธอแค่อยากให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์มากขึ้น และเติบโตเร็วขึ้นก็เท่านั้น

การถ่ายทำในสองสามวันที่ผ่านมาดำเนินไปได้ด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ญาธิดารู้สึกแปลกใจ คือ ภวินท์ไม่มาปรากฏตัวที่กองถ่ายเลยในช่วงสามวันที่ผ่านมา

ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุด

แต่ใครจะรู้ว่าพอตกตอนบ่าย คนที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจอีกคนจะปรากฏตัวที่กองถ่ายอย่างกะทันหัน

เวลาเพิ่งจะผ่านบ่ายสอง แต่อากาศก็ร้อนมาก อีธานกับเอลล่าเพิ่งจะถ่ายรูปหมู่เสร็จ และกำลังพักผ่อนเพื่อคลายร้อน จู่ ๆ ก็มีรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดข้างบริเวณกองถ่าย

ไม่นาน ประตูหน้าก็เปิดออก ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับบอดี้การ์ดก้าวลงจากรถ เดินไปข้างหลังเพื่อเปิดประตูรถ พร้อมกางร่มอีกคัน

ทันใดนั้นทุกสายตาก็หันมองไปทางด้านนั้นกันหมด

หญิงสาวในชุดรัดรูปสีดำคนหนึ่งก้าวลงมา ใบหน้าถูกบังไว้ ทว่ายังสามารถมองเห็นเรือนร่างสง่างามของเธอได้

ท่าทางอย่างกับดาราสาวยังไงอย่างนั้น

“ใครอ่ะ ใครอ่ะ!”

พวกพนักงานในกองถ่ายที่กำลังพักผ่อนต่างเริ่มส่งเสียงซุบซิบกัน

“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ นั่นก็ภรรยาของบอสใหญ่ของเราไง!”

ทันทีที่ประโยคนี้เข้าถึงหูของญาธิดา เธอก็ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่เหลือบมองไปทางด้านนั้น

แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อร่มเลื่อนขึ้นเล็กน้อยและเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาว ท่าทางเย่อหยิ่งแบบนั้น ถ้าไม่ใช่นิวราแล้วจะเป็นใคร?

นิวราเหลือบมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาหัวหน้าผู้กำกับพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณบิ๊ก ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

ทันทีที่หัวหน้าผู้กำกับเห็นเธอ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อไปต้อนรับเธอทันที พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนรอยเหี่ยวย่นปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน “คุณนิวรา มาได้ยังไงครับเนี่ย! เชิญนั่งทางนี้ก่อนเลยนะครับ”

ทันทีที่ได้ยืนคำเรียกเมื่อครู่นี้ หัวใจของญาธิดาก็สั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้

“ฉันมาหาวินค่ะ ได้ยินว่าช่วงนี้เขาให้ความสนใจกับโฆษณาตัวนี้มาก ฉันก็เลยแวะมาดู”

ขณะที่นิวรากำลังพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ “เขาไม่อยู่เหรอคะ”

หัวหน้าผู้กำกับทำหน้ายิ้ม ๆ อย่างอึดอัดใจ พลางพูดเบา ๆ ว่า “หลายวันมานี้คุณภวินท์ไม่ได้มาเลยครับ มีแค่ช่วงแรก ๆ ที่มาบ่อย”

“งั้นเหรอ”

ขณะที่พูด นิวราก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

แต่ไม่นานเธอก็ปรับสีหน้ากลับไปเป็นปกติ บนใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะมองผู้กำกับแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะมาไม่ถูกเวลา”

“อ้อ จริงสิ” ขณะที่พูด จู่ ๆ เธอก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปหาบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง เชิดหน้าให้เขาหนึ่งทีเพื่อเป็นสัญญาณ ก่อนจะหันไปพูดกับหัวหน้าผู้กำกับต่อ “คุณบิ๊ก ฉันรู้ว่าพวกพนักงานทำงานกันหนักมาก ก็เลยถือโอกาสซื้อชานมเย็น ๆ กับน้ำผลไม้มาให้ เดี๋ยวให้คนของฉันช่วยเอาไปแบ่งให้ทุกคนนะคะ”

เมื่อคุณบิ๊กได้ยินแบบนั้น ใบหน้าก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม “คุณนิวรา ใจดีเกินไปแล้วครับ”

“มันเป็นเรื่องที่สมควรทำค่ะ พวกคุณทำงานหนักขนาดนี้ ฉันย่อมต้องเห็นใจอยู่แล้ว”

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน บอดี้การ์ดที่นิวราพามาด้วยก็เดินตรงไปที่รถ เปิดท้ายรถ ก่อนจะหยิบชานมออกมาแจกจ่ายให้ทุกคน

สีหน้าของทุกคนต่างก็ดีใจมีความสุขขึ้นมาทันที พร้อมกับกล่าวขอบคุณนิวรา

ทันใดนั้นเอง นิวราก็ลุกขึ้นยืนหยิบเอาชานมมาสี่แก้ว ก่อนจะเดินตรงไปทางญาธิดา

เธอพูดจาดี ใจกว้าง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน ที่ไม่ว่าใครมองต่างก็ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

แต่ไม่รู้เพราะอะไร ในใจของญาธิดามันถึงได้หนักอึ้งและไม่สบายใจแบบนี้

เธอเอื้อมมือออกไปโอบอีธานเอลล่าที่อยู่ข้าง ๆ เข้ามาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว พลางมองหล่อนด้วยความระแวดระวัง

นิวราเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ พร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม “ธิดา พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”

ญาธิดายิ้มให้เธออย่างสุภาพแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ใช่ค่ะ”

นิวราก้มหน้าลงมองไปที่อีธานกับเอลล่าที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือลูกของเธอกับคุณธีทัตเหรอ น่ารักจังเลยนะ!”

ขณะที่พูดหล่อนก็หยิบชานมสองแก้วออกมาจากถุง ก่อนจะทำทีเขย่าแก้วไปมา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “มา น้ามีชานมนะ พวกหนูอยากดื่มไหม”

อีธานเอนตัวพิงญาธิดา พลางมองตรงไปที่นิวราแล้วขมวดคิ้วแน่นโดยไม่พูดอะไร

“ไม่ดื่มจริง ๆ เหรอ อันนี้อร่อยนะ!”

นิวราพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของอีธาน

วินาทีนั้น หัวใจของญาธิดาบีบรัดแน่น และเริ่มประหม่าโดยไม่รู้ตัว

ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาอีธานจะถอยหลังออกมา เลี่ยงมือของหล่อนที่กำลังยื่นเข้ามาหา

มือของนิวราห้อยค้างอยู่กลางอากาศ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย หล่อนยิ้มให้ญาธิดา ก่อนจะหันไปมองเอลล่าที่อยู่ข้างแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “อยากดื่มไหมจ๊ะ”

เอลล่าส่ายหน้าไปมา “หนูไม่อยากดื่มค่ะ”

นิวราคาดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะผิดจังหวะขนาดนี้ ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ แต่กลับแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง ก่อนจะวางชานมในมือไว้ข้าง ๆ พลางมองไปที่ญาธิดาแล้วพูดว่า “ลูกสองคนของเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทีเดียวนะ”

ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็กระตุกยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร

เธอรู้ดีว่านิวรามาที่นี่ไม่ใช่แค่จะมาเพื่อส่งชานมเฉย ๆ เท่านั้น

เธอหรี่ตามองอีธานกับเอลล่าที่อยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังจะบอกให้พวกเขาออกไปเล่นรออยู่ข้าง ๆ ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ อีธานจะเงยหน้าขึ้นมองญาธิดา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า “แม่ครับ ผมอยากพาน้องไปดูลิงทางนั้น ได้ไหมครับ”

“ได้สิจ้ะ ดูแลน้องด้วยนะเข้าใจไหมครับ”

อีธานพยักหน้ารับอย่างแรง “ครับ!”

ญาธิดาลูบศีรษะเด็กน้อยทั้งสองด้วยรอยยิ้ม มองเด็กทั้งสองคนจูงมือกันวิ่งออกไป ความตึงเครียดภายในใจก็ผ่อนคลายลงไปมาก

ทันทีที่เด็กทั้งสองคนเดินจากไป เธอก็เงยหน้าขึ้นมองนิวราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่า “คุณนิวมาหาฉัน มีเรื่องอื่นอีกไหมคะ”

นิวรานั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยิ้มออกมา “ก็ได้ ฉันชอบคุยกับคนฉลาด ๆ”

ขณะที่พูดหล่อนก็เหลือบมองไปข้าง ๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันคิดไม่ถึงว่าคนที่มาถ่ายโฆษณาจะเป็นเธอ”

ญาธิดายิ้ม “ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่านี่จะเป็นโปรเจกต์ภายใต้สังกัดSTN Group”

เมื่อนิวราได้ยินดังนั้น บนใบหน้าของหล่อนก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา หล่อนยกมือขวาขึ้น มองดูแหวนวงสวย ละเมียดละไมบนนิ้วของตัวเอง แล้วพูดเบาๆ ว่า “โฆษณานี้เธอจะถ่ายก็ถ่ายไป ฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่ว่าธิดา ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้เธอใกล้ชิดกับพี่วินมากเกินไป…”

ขณะที่พูด หล่อนก็เหลือบตาขึ้นมองด้วยนัยน์ตาแสนเย็นชา “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้ พวกเราต่างก็มีครอบครัวแล้ว การที่เธอทำแบบนี้มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่หรือเปล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์