คำพูดของนิวราไม่นับว่าเสียดสีทิ่มแทงอะไรนัก เพียงแต่ในคำพูดเหล่านั้นกลับมีความหมายอื่นแฝงอยู่
มีการตักเตือน เสียดสี และตำหนิ
มีหรือญาธิดาจะฟังไม่ออกว่านิวรากำลังทำให้เธออับอาย มันเหมือนการตำหนิเธออย่างลับ ๆ ว่าเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวของคนอื่น
เธอขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเคร่งขรึม และจ้องมองตรงไปที่นิวราอย่างหนักแน่น “คุณนิวไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีครอบครัวของตัวเอง มีสิ่งของที่ฉันต้องการปกป้อง ไม่มีทางทำอะไรโดยไม่มีขอบเขตอย่างที่คุณว่า อีกอย่าง ต่อให้คุณไม่พูด ฉันก็ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก”
“จริงเหรอ” สีหน้าของนิวราก็เย็นชาขึ้นมาทันที สายตาจ้องเขม็งไปที่ญาธิดา “เธอคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอเจอกับพี่วินหรือไง”
ญาธิดาขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ใครจะรู้ว่านิวราจะชิงพูดต่อ “ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำลายครอบครัวของฉัน ในเมื่อเธอก็ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา งั้นงานนี้ก็ยกเลิกไปเถอะ ค่าเสียหายที่ผิดสัญญาฉันจะชดใช้เอง”
น้ำเสียงของหล่อนฟังดูเย็นชา ทำเหมือนพวกผู้ดีสูงส่งที่กำลังให้ทานคนอื่น
ญาธิดามองหล่อน ก่อนที่ความโกรธจะลุกโชนขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอไม่ใช่พวกที่ขาดความรับผิดชอบ ถ้าเธอผิดสัญญา มันไม่ใช่แค่แสดงว่าเธอไม่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพเท่านั้น แต่มันยังเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่ออีธานกับเอลล่าด้วย เธอไม่อยากทำแบบนั้น
เธอกัดฟันแน่นแหงนหน้ามองนิวรา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ งานของฉัน ฉันจะทำให้มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ฉันรับรองได้ ว่าฉันไม่มียุ่งเกี่ยวกับภวินท์เลยนอกเหนือจากเรื่องงาน โปรดวางใจเถอะค่ะ”
หลังจากพูดจบญาธิดาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังเดินออกไป และเดินไปทางที่อีธานกับเอลล่าอยู่
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกับนิวราอีก เพราะกลัวว่าถ้ายังคุยกันต่อไป เธอจะทนไม่ไหวจนต้องเกิดเหตุทะเลาะกับนิวราเอาได้
นิวรานั่งอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ความโศกเศร้าปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ
สักวัน เธอจะต้องทำให้ญาธิดาหัวเราะไม่ออกให้ได้!
สิบนาทีต่อมา หลังจากนิวราคุยกับหัวหน้าผู้กำกับอีกสองสามประโยคแล้ว หล่อนก็กลับออกไปจากกองถ่าย
ญาธิดาเหลือบมองรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ จนถึงตอนนี้ความระแวดระวังที่ถูกสร้างขึ้นในใจของเธอถึงได้คลายลง
เรื่องที่นิวราเคยทำกับเธอไว้เมื่อห้าปีก่อน การที่เธอไม่พูดไม่ได้แปลว่าเธอไม่รู้ เรื่องมาถึงตอนนี้ เธอไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าหล่อนเพื่อเปิดโปงความจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ป้องกันตัวเองจากคน ๆ นี้
เพียงไม่นาน กองถ่ายก็เริ่มยุ่งวุ่นวายกันอีกครั้ง และดำเนินการถ่ายทำต่อไป
เพียงไม่นานก็ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว ภารกิจของวันก็เสร็จลุล่วงไปมากแล้ว ญาธิดานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ หลุดลอยไป
เธอนึกถึงคำพูดที่เธอพูดกับนิวราเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอรู้สึกอึดอัดในใจ ราวกับมีก้อนหินก้อนใหญ่กำลังกดทับอยู่ยังไงอย่างนั้น
การเผชิญหน้ากับนิวราในครั้งนี้ เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหล่อนได้อย่างชัดเจน หล่อนตรงไปตรงมามากกว่าเมื่อก่อน อย่างน้อยตอนนี้หล่อนก็ไม่ทำตัวเสแสร้งต่อหน้าเธอเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว
แต่หล่อนเลือกคำพูดที่สื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันหมายความว่า หล่อนกล้าได้มากกว่านี้ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรที่ไม่เป็นไปตามที่หล่อนต้องการ เกรงว่าหล่อนจะลงมือทำในสิ่งที่มันเลวร้ายมากกว่านี้
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ญาธิดาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ความรู้สึกประหม่าที่ไม่สามารถอธิบายได้พลั่งพลูเข้ามาในใจของเธอ
พอเธอได้สติกลับมา ก็รีบกวาดสายตามองไปทางกองถ่ายทันที แต่ทว่าเธอกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอีธานกับเอลล่าเลย
ญาธิดาเด้งตัวลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองไปรอบ ๆ
พนักงานต่างกำลังพากับเก็บข้าวของ ดูท่าเหมือนว่าวันนี้จะสิ้นสุดการถ่ายทำเพียงแค่นี้ เธอมองไปรอบ ๆ แต่ก็หาอีธานกับเอลล่าไม่เจอ
วินาทีนั้นเธอรู้สึกราวกับมีมือใหญ่มือหนึ่งที่มองไม่เห็นกำลังบีบรัดคอของเธอไว้แน่น จนหายใจไม่ออก
อีธานกับเอลล่าหายไปไหนแล้ว!
เธอรีบวิ่งเข้าไปในพื้นที่กองถ่ายแล้วเอ่ยถามพวกพนักงานว่า “พวกเธอเห็นอีธานกับเอลล่า!”
พนักงานมองหน้ากันแล้วส่ายหัว “ไม่เห็นนะ”
เมื่อญาธิดาได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งตามหาทันที “อีธาน!เอลล่า!”
หลังจากวิ่งรอบกองถ่ายแล้วเธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กน้อยทั้งสองคนเลย ความตึงเครียดพลั่งพลูเข้ามาในหัวใจอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...