แต่ใครจะรู้ว่าภวินท์กลับทำสีหน้าเรียบเฉย โดยไม่มีความรู้สึกผิดหรือรู้สึกละอายใจใด ๆ เลย แถมยังเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้เธออีกด้วย
ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง เพียงไม่นานความโกรธในใจของเธอก็ปะทุออกมาในทันที เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือออกไปคว้าเด็กน้อยไว้ด้วยมือคนละข้างก่อนจะดึงพวกเขาเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ตัว
เธอมองภวินท์ด้วยสายตาจริงจังและพูดว่า “คุณภวินท์ คุณพาพวกเขาออกมาโดยที่ไม่บอกกล่าวฉันสักคำแบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอคะ”
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันรอให้ภวินท์พูดอะไร เสียงไร้เดียงสาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างต้นขาของเธอ “แม่คะ อย่าโทษคุณอาสุดหล่อเลย หนูเป็นคนขอให้เขาพาพวกเรามาเที่ยวเองค่ะ”
ญาธิดาก้มหน้าลงมอง แล้วก็สบตากับเอลล่าที่กำลังเงยหน้ามองเธออยู่พอดี
ท่าทางของเอลล่าจริงจังมาก “แม่คะ จริง ๆ นะคะ ไม่เชื่อถามพี่ธานดูก็ได้”
ญาธิดาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมองไปทางอีธาน ใครจะรู้ว่าอีธานก็พยักหน้ารับอย่างจริงจังพลางพูดขึ้นว่า “จริงครับแม่”
ทันใดนั้นญาธิดาก็ถึงกับพูดไม่ออกทันที
เจ้าเด็กสองคนโยนความผิดมาไว้กับตัวเองแบบนี้ แล้วเธอจะมีเหตุผลอะไรไปตำหนิภวินท์ได้อีกล่ะ?
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เอื้อมมือไปดึงพวกเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ค่ำมากแล้ว พวกเรากลับบ้านกันได้แล้ว อีกอย่างแม่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามเข้าไปเล่นในบ้านผีสิง ไม่อย่างนั้นจะฝันร้ายตอนกลางคืน!”
อีธานได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมือมาดึงตรงชายเสื้อของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “แต่แม่ครับ พวกเราอยากเข้าไปจริง ๆ นะครับ อีกอย่างถ้าผมเข้าไปก็จะได้ปกป้องน้องได้ด้วย”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองเอลล่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีเดียวกัน จนเธอไม่รู้จะพูดยังไงดี
แล้วจู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งก็ดังสะท้อนมา “พวกเขายังไม่เคยลองเข้าไปเลย ก็ควรจะได้ลองสักครั้งนะ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้นซึ่งก็ทำให้สบสายตาเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของภวินท์เข้าพอดี ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเธอเองก็มาแล้ว งั้นก็พาพวกเขาเข้าไปเล่นด้วยกันเลยแล้วกัน ถือว่าทำตามความปรารถนาของพวกเขาไง”
“ใช่ค่ะคุณแม่!”
“แม่ครับ ให้พวกเราเล่นสักครั้งเถอะนะ!”
“…”
เจ้าเด็กน้อยสองคน คนนึงพูดทีอีกคนพูดที ทำเอาญาธิดาใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
ทีแรกเธอไม่อยากให้พวกเขาไปสัมผัสกับสิ่งของเปื้อนเลือดพวกนั้น แต่พอเห็นพวกเขาอยากไปขนาดนี้ เธอก็ไม่อยากปฏิเสธพวกเขา
และในตอนนี้เอง จู่ ๆ ภวินท์ก็พูดขึ้นว่า “คงไม่ใช่เพราะเธอกลัวเลยไม่กล้าเข้าไปหรอกใช่ไหม เธอถึงไม่กล้าพาพวกเขาเข้าไปเล่นน่ะ”
ทันทีที่ญาธิดาได้ยินดังนั้นเธอก็ขมวดคิ้วแน่นทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่ม ก่อนจะตอบรับออกไปโดยไม่รู้ตัว “ใครบอกว่าฉันไม่กล้า”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและยิ้มให้ “ถ้างั้นก็ไปด้วยกันสิ”
ญาธิดารีบโพล่งออกไปโดยที่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ “ไปก็ไปสิ กลัวที่ไหนล่ะ”
วินาทีที่คำพูดเหล่านั้นโพล่งออกมา เธอถึงรู้ตัวว่าตัวเองติดกับภวินท์เข้าแล้ว เลยได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ แต่คำพูดทำพูดออกไปแล้วจะเอาคืนก็ไม่ได้
“ดีจังเลย! คุณแม่โอเคแล้ว!”
เด็กน้อยทั้งสองคนดีอกดีใจสุด ๆ แต่ด้านญาธิดากลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ท้ายที่สุด เธอทำได้แค่ถอนหายใจแล้วตอบตกลงกลับไป
มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเธอบอกว่าไม่ไป แบบนั้นก็ไม่เท่ากับหน้าแตกต่อหน้าอีธานกับเอลล่าเหรอ
รอไปสักพัก แถวที่พวกเขากำลังต่อคิวก็เริ่มได้เดินเข้าไปด้านใน ญาธิดาจูงอีธานไว้ ส่วนภวินท์จูงเอลล่า เดินตามกันเข้าไปทีละคน
ทันใดนั้นจากสภาพแวดล้อมที่สดใสก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัว ทุกคนต่างเริ่มไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีเสียงลึกลับน่าสยองดังมาจากด้านบน “ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของบ้านผีสิง”
จากนั้นตามผนังสีดำก็ค่อย ๆ มีไฟสีแดงสว่างขึ้นมาเป็นแถว นำทางพวกเขาให้เดินต่อไปด้านหน้า
เมื่อเดินไปที่ประตูห้องแรก ด้านในนั้นก็มีเสียง “แควก แควก——” ดังสะท้อนออกมา ภายในห้องสีแดงเต็มไปด้วยโครงกระดูก และมีคนท่าทางน่ากลัวกำลังกัดกินเนื้อดิบสด ๆ อยู่ในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...