เรื่องนิวรากรีดข้อมือ ไม่รู้ว่าข่าวลือไปถึงหูของตระกูลวรโชติได้ยังไงกัน
ชนัดพลพาคุณพิมและปริญ กระหืดกระหอบรีบบึ่งมายังโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นสภาพของนิวราแล้ว ก็เกิดอาการมีปากมีเสียงเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตกับภวินท์กันยกใหญ่
แต่ไม้ซีกไม่สามารถงัดข้อกับไม้ซุงได้อยู่แล้ว ธุรกิจของบริษัทวรโชติพึ่งพาบารมี STN อยู่ ชนัดพลตำหนิติเตียนหมดยกแล้ว ก็สวมบทบาทพ่อตาอารมณ์ฟึดฟัด และแสดงท่าทางยกโทษให้อย่างตรงไปตรงมา
ก่อนจะกลับ เขายังเอ่ยถึงใบสั่งซื้อขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ภวินท์ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการโทรศัพท์หาที่บริษัท เพื่อจัดการเรื่องใบสั่งซื้อโอนตรงไปอยู่ที่บริษัทวรโชติ
จังหวะตอนขึ้นรถ ออกจากโรงพยาบาล พายุอดถามไม่ได้ “คุณภวินท์ ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่เต็มอกว่าทางชนัดพลทำเพื่ออะไร ทำไมถึงยังยอมตกปากรับคำจากเขาอีก โดยเอาใบสั่งซื้อนี้มอบให้บริษัทวรโชติ ซึ่งทางเราไม่ได้รับผลประโยชน์เลยสักนิด”
“ฉันรู้ดี”
ภวินท์นั่งอยู่เบาะด้านหลัง พลันหยิบแท็บเล็ตเพื่อดูทิศทางแนวโน้มตลาดหุ้น พลันพูดอย่างเฉยเมย “ที่เขามาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อลูกสาวหรอก ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์จากคนอื่น เขาไม่มีวันกลับแน่”
ชนัดพลให้ความสำคัญกับผู้สืบสกุลแต่ดูถูกลูกสาว ในสายตาเขานิวราก็เป็นเพียงบ่อเงินบ่อทองก็เท่านั้นเอง เขาก็ไม่ได้โง่ดักดานที่จะเอาเรื่องเสียหายในครอบครัวทุกอย่างเที่ยวโพนทะนาไปทั่ว
ติดอยู่แค่ สิ่งที่แปลกใจมากที่สุดคือ คนในตระกูลวรโชติรู้ได้ยังไงว่านิวรากรีดข้อมือ
เขาเข้าใจนิวราดี เรื่องพรรค์นี้เธอไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรที่จะเอาไปโพนทะนาไปทั่ว และไม่บอกทางตระกูลวรโชติเองแน่ แต่ทางตระกูลวรโชติกลับรู้เรื่องนี้ ตอนที่พวกเขาตาลีตาเหลือกมาถึงนิวราก็ตกใจคล้ายว่าไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
ทุกเรื่องมันติดขัดอยู่ตรงนี้ จนคิดไม่ออก
ทันใดนั้น พลันมีเสียงโทรศัพท์สั่นสองครั้ง หลุยส์ส่งข้อความมาหา “เตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว มาห้องเก็บไวน์ด้วย”
แววตาภวินท์หม่นหมองลง พลันออกคำสั่งให้พายุเลี้ยวรถกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บไวน์ทันควัน
ซึ่งในเวลานี่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของสิงโต ส่วนเรื่องของตระกูลวรโชติ ปล่อยให้พวกเขาก่อกวนต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นทุกข์ร้อนอะไร
หลังจากนั้นหลายวันติดต่อกัน ญาธิดาก็ไม่ได้รับการแจ้งข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องการทำงานแต่อย่างใด
นอกจากไปโพสต์ถ่ายรูปอินดอร์คอลเลคชั่นใหม่ที่สตูดิโอของเจนนิเฟอร์แล้ว ที่เหลือเธอก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนกับอีธาน เอลล่า
บ้างก็พาเจ้าเด็กน้อยสองคนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เธอดูเหมือนไม่มีอะไรให้ทำ
ท้ายที่สุด ตั้งแต่วันจันทร์ลากยาวมาถึงวันศุกร์ ในที่สุดเธอก็ได้รับสายจากคุณบิ๊ก
หลังจากรีบบึ่งมายังสตูดิแล้ว ผู้ช่วยก็รีบเชิญเธอไปยังห้องทำงานทันควัน
เมื่อเธอเดินมาถึงตรงประตูสตูดิโอนั้น เธอย่อมฉุกคิดตอนที่เธอมาที่นี่ขึ้นได้เมื่อครั้งที่แล้ว ที่ผลักประตูเข้าไปก็เห็นภวินท์อยู่ในห้อง จึงเกิดอาการตระหนกอยู่ในใจ
ผู้ช่วยเคาะบานประตู พลันผลักประตูเข้าไป ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าเดินไปยังด้านหน้า พร้อมทั้งช้อนสายตามองทิศทางโต๊ะทำงาน เมื่อมองเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานคือคุณบิ๊กซึ่งไม่ใช่ภวินท์นั้น หัวใจของเธอก็ไม่ได้ดีใจขนาดนั้นตามที่ได้จินตนาการเอาไว้
“ธิดามาแล้วเหรอ! มานี่เร็ว!”
ตอนที่คุณบิ๊กมองเห็นญาธิดา พลันลุกขึ้นและกวักมือให้เธอทันที
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งก้าวฝีเท้าเดินไปยังด้านหน้า พร้อมทั้งยิ้มให้เขา “สวัสดีค่ะคุณบิ๊ก”
คุณบิ๊กส่งสัญญาณให้เธอมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น “รีบดูเร็วนี่เป็นรูปอีธาน เอลล่าที่ผ่านพิจารณาเป็นครั้งสุดท้าย มีการปรับเรียบร้อยแล้ว!”
ญาธิดามองแวบเดียว บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดสิบหกนิ้วเป็นรูปในการถ่ายทำครั้งสุดแล้ว มองแค่แวบเดียว ญาธิดารู้สึกทึ่งทันที
ทุ่งหน้าสีเหลือง อีธานเอลล่ายื่นอยู่ระหว่างกลางของช้างทั้งสองเชือก พร้อมทั้งยิ้มจนมีความรู้สึกซึมซับตามอย่างที่สุด
ป่าเถื่อน มีชีวิตชีวา และสามัคคีกลมเกลียว
ญาธิดาพยักหน้าอย่าอดเสียไม่ได้ พลางคลิกเมาส์เพื่อดูรูปถัดไป และถัดไปเรื่อยๆ ....
จนดูภาพหมดอัลบั้ม เธอกลับแสบจมูกเล็กน้อย
เธอยอมรับตรงๆ ว่าเธอตื่นตระหนกกับรูปภาพประชาสัมพันธ์การกุศลเซทนี้ พร้อมทั้งซึมซับความรู้สึกตามไปด้วย
ราวกับรูปภาพเป็นภาพนิ่งที่ไม่สามารถพูดคุยได้ แต่กลับทำให้คนเรามีการต่อสู้กับความเงียบงันและการเรียกหา
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งพยักหน้า “ยอดเยี่ยมมากค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...