หลังจากนั้นสองวัน ญาธิดาทำตามแผนเดิม ทำการถ่ายทำในเขาเทียบฟ้าให้แล้วเสร็จ
เนื่องจากเธอได้รับบาดเจ็บ ธีทัตจึงได้เลื่อนงานสองสามวันนี้ออกไปทั้งหมด แล้วคอยอยู่เคียงข้างเธออย่างเอาใจใส่
ทำการถ่ายทำในเขาเทียบฟ้าสามวันก็แล้วเสร็จ สำหรับความคืบหน้าของงาน ญาธิดากับคุณบิ๊กต่างก็พอใจ จากนั้นทางทีมงานกองถ่ายก็ได้ย้ายไปที่ใจกลางเมือง เพื่อดำเนินการถ่ายทำครั้งต่อไป
ตามขั้นตอนดังกล่าว ภายในสิ้นเดือนนี้ การถ่ายทำทั้งหมดก็จะแล้วเสร็จ ขอเพียงทำการตัดต่อและพากย์เสียงเสร็จ ต้นเดือนหน้าคงจะลุล่วงออกมาเป็นภาพยนตร์สมบูรณ์ได้แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ดูเหมือนข้อตกลงระหว่างเธอกับภวินท์ จะอยู่ไม่ไกลแล้ว
ญาธิดาแอบถอนหายใจโล่งอก แต่ว่าไม่รู้เพราะอะไร ในใจของเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ในขณะเดียวกัน เรื่องของ STN Group ยังคงอยู่ในกระแสต่อ ความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตได้แตกออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นฝ่ายที่สนับสนุนภวินท์และฝ่ายที่สนับสนุนภูผา ว่ากันว่าในบริษัทเองก็มีการแบ่งออกเป็นสองฝั่งเช่นเดียวกัน เล็กใหญ่ต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อน
เวลานี้ คนเดียวที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็น่าจะเป็นปกรณ์แล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานปกรณ์เพิ่งจะออกจากเมือง J ไปยังต่างประเทศ และไม่มีวี่แววข่าวคราว ราวกับว่าได้หายสาบสูญแล้วก็ไม่ปาน
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ปกรณ์ค่อนข้างที่จะเข้าข้างลูกชายคนโตภวินท์มากกว่า แต่ว่าภูผาที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่ใช่ตัวละครที่ธรรมดา เพียงสัปดาห์เดียวก็สามารถลงทะเบียนบริษัท พีพีมีเดียได้ และลงทุนในจำนวนเงินมหาศาล เริ่มมีการเคลื่อนไหวใหญ่โต
เห็นได้ชัดว่าต้องการจะต่อกรกับภวินท์ให้ถึงที่สุด
ด้วยเหตุนี้ เรื่องราวต่าง ๆ จึงยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
สำหรับการต่อสู้ระหว่างยักษ์กับยักษ์ในครั้งนี้ ทุกคนในเมือง J ต่างรอชมการแสดงอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีที่เย็นชา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ญาธิดาเห็นข่าวเหล่านั้นแล้ว กลับรู้สึกเป็นห่วงในใจ กังวลและหงุดหงิด
เมื่อเธออยู่ในกองถ่าย ต่อให้เป็นเวลาพักผ่อน เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณธิดา” ไม้สาวเท้ายาวก้าวเข้ามา “เกิดเรื่องแล้วครับ”
ญาธิดาดึงสติกลับมา เก็บโทรศัพท์ แล้วมองไม้ที่หายใจหอบ จึงเอ่ยปากถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น"
“พลอยรินบอกกว่าไม่อยากจะถ่ายต่อไปแล้ว”
“อะไรนะ” ญาธิดาขมวดคิ้วและยืนขึ้น “เธออยู่ที่ไหน”
พลอยรินคือนักแสดงที่เธอเลือกให้มาแสดงในหนังสั้นการกุศลเองกับมือ ก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น เนื่องจากตัวตนค่อนข้างเข้ากับบทในภาพยนตร์ ดังนั้นจึงได้เลือกเธอ
สองสามวันมานี้เธอก็ได้ยินคำบ่นของพลอยรินที่มีต่อกองถ่าย เธอเองก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ เพราะในแง่ของค่าตอบแทนที่ให้กับพลอยรินนั้นก็ถือว่าไม่น้อย
คิดไม่ถึงว่า เธอจะก่อเรื่องให้ปวดหัวไม่ซ้ำซาก
เธอตามไม้เดินข้ามตรอกเข้าไปในซอย หลังจากเดินไม่กี่ก้าวก็เห็นกลุ่มคนข้างลานบ้านไม้ทรงโบราณ พลอยรินถูกรายล้อมให้อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ เป็นคุณบิ๊กและทีมงาน
คุณบิ๊กขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แต่ยังคงพยายามกล่าวอย่างใจเย็นที่สุด “คุณอยากได้เงื่อนไขอะไรก็ให้เสนอมา ทางพวกเราจะร่วมกันหารือ และตอบสนองความต้องการของคุณ……”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยปากถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
ได้ยินเสียงของเธอ ผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างหลีกทางให้กับเธอ
ญาธิดาสาวเท้าก้าวเดินเข้าไป เหลือบมองพลอยรินที่นั่งอยู่บนม้านั่งไม้ไผ่แวบหนึ่ง แล้วกล่าวถามขึ้น “ได้ยินว่าเธอไม่อยากจะถ่ายแล้ว?”
พลอยรินเลิกคิ้ว ถือพัดไว้ และก็ไม่มองเธอ “อืม ไม่อยากถ่ายแล้ว”
มองดูการแสดงออกที่ไม่สบอารมณ์ทางสีหน้าของหญิงสาว ญาธิดาก็ระงับความโกรธแล้วกล่าวถาม “บอกมาตรง ๆ เถอะ ต้องการอะไร”
เธอเป็นผู้กำกับมาก็หลายปีแล้ว เจอสถานการณ์แบบนี้มาก็ไม่น้อย นักแสดงส่วนใหญ่ต้องการขึ้นค่าตัว จึงเล่นแง่ ดังนั้นเมื่อถ่ายทำได้เพียงครึ่งก็จะจงใจบอกว่าไม่ถ่ายทำแล้ว ทำให้กองถ่ายยอมถอยประนีประนอม
พลอยรินเชิดคางขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่อยากจะถ่ายทำต่อแล้ว”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก “เธอจริงจังใช่ไหม เธอรู้เรื่องที่ต้องจ่ายค่าชดใช้ผิดสัญญาใช่ไหม”
“ฉันรู้” พลอยรินพลางกล่าวพลางหยิบบัตรหนึ่งใบออกจากกระเป๋าที่อยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นมา จากนั้นกล่าว “นี่คือค่าเสียหายที่ฉันได้เตรียมไว้แล้ว”
“นี่เธอ……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...