ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 470

สนามหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ พื้นที่กว้างใหญ่ รถของนิวราจอดอยู่ข้างถนน เธอเหยียบคันเร่งจนมิด รถพุ่งออกไปข้างหน้าทันที

เธอจับพวงมาลัยไว้แน่น ขับเร็วขึ้นและใกล้กับเป้าหมายมากขึ้น

วันนี้ ถึงแม้เธอต้องลงมือเอง ก็จะปล่อยให้เด็กสองคนนั้นกลับบ้านอย่างปลอดภัยไม่ได้!

ทางนั้น อัญมณีหันหน้าไปมองบอดี้การ์ดที่จัดการโจรสองคนนั้นได้ ก็ถึงโล่งอกแล้ววิ่งช้าลงอย่างไม่รู้ตัว หายใจหอบและพูดว่า “อีธาน เอลล่า พวกเธอ……”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็เหลือบไปเห็นรถที่ขับพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นรถคันนั้นพุ่งชนมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว

อีธานเอลล่าก็เห็นเหมือนกัน พวกเขาตกใจอย่างมาก อัญมณีตกใจ รีบยื่นมือไปผลักเด็กสองคนนั้นออกไป ตัวเองก็หลบไปข้างๆอย่างร้อนรน

แต่ก็ผิดแผนอยู่ดี เธอยังไม่ทันได้หลบ รถก็ขับพุ่งมาชนเหมือนแมลงวันที่ไม่มีเป้าหมาย

“โครม!” เสียงดังลั่นสนั่น ร่างเธอถูกชนกระเด็นไกลออกไปสองเมตร จากนั้นก็ล้มลงพื้นเสียงดัง ‘พลั่ก’

ทันใดนั้นเอง โลกในสายตาของอัญมณี เหมือนกับถูกกดปุ่มช้าลง โลกหมุ่นเป็นวงกลม

นิวราที่นั่งอยู่ในรถไม่คิดว่าจะขับชนอัญมณี เห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโคลนที่เยือกเย็น เลยเนี่ยร่างกายมีเลือดไหลออกมาช้าๆ วินาทีนั้น สมองของเธอก็เย็นเฉียบตามไปด้วย

ทันใดนั้น เธอพยายามตั้งสติ แต่ในสมองกลับว่างเปล่า ในตอนที่เธอเห็นคนเริ่มเข้ามาใกล้ตรงนี้แล้ว ก็ถึงรู้สึกตัวขึ้นมา

เธอจับพวงมาลัยไว้แน่น เหยียบคันเร่งอย่างลนลาน รีบขับออกจากเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว

ทางนั้นบนพื้นโคลน อัญมณีรู้สึกแค่ว่าร่างกายตัวเองชาราวกับถูกล้วงออกไปทั้งหมด การรับรู้ตามร่างกายก็อ่อนลงทุกที ในภวังค์นั้น เธอเห็นอีธานกับเอลล่าซบตัวลงข้างๆเธอ แล้วร้องไห้พูดว่า “คุณน้า……คุณน้า!”

คนที่อยู่ข้างๆมารวมตัวกัน อีธานลุกขึ้นร้องไห้แล้วพูดว่า “ลุงป้าน้าอาครับ ช่วยโทรเรียกรถพยายามให้หน่อยครับ!”

มีคนโทรศัพท์ มีคนเริ่มเรียกคนรอบข้างเข้ามา รอบด้านดูวุ่นวายมาก อัญมณีหลับตาลง สลบไม่ได้สติอีก

......

ร้านอาหารส่วนตัว

“ไวน์ขวดนี้เป็นไวน์ที่เจ้าของร้านเก็บสะสมไว้มานาน พวกเธอลองชิมดูสิ”

ว่าแล้ว เจนนิเฟอร์ก็เทสองแก้ว ยื่นให้ญาธิดากับธีทัต

ญาธิดาพูดขอบคุณอย่างมีมารยาท ยื่นมือไปรับแก้วมา แต่กลับมือลื่น แก้วไหลร่วงออกไปจากมือเธอ สาดกระจายเต็มโต๊ะและพื้น

“ขอโทษด้วยนะ…”

ญาธิดารีบเอาแก้วตั้งขึ้นมา เอาผ้าขนหนูมาเช็ด ในใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

และในตอนนี้เอง ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่เธอวางไว้ข้างๆก็ดังขึ้น

เห็นหน้าจอมีเบอร์แปลกหน้าโทรมา ญาธิดาลังเลสักพัก เลยนะยังไม่ทันได้กดรับสาย ธีทัตที่อยู่ข้างๆก็รับผ้าขนหนูในมือเธอมา แชร์โต๊ะแทนเธอแล้วพูดเสียงเบาว่า “เธอรับโทรศัพท์เถอะ”

ญาธิดาได้สติ แล้วกดรับสายโทรศัพท์ เพิ่งยกมาไว้ข้างหู จะมีเสียงของอีธานดังออกมา “แม่ครับ รีบมาโรงพยาบาลเร็ว…”

ญาธิดาตกใจ ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมา “อีธาน ลูกเป็นอะไร!”

อีธาน ปกติจะไม่ร้องไห้ง่ายๆ ตอนนี้ทางปลายสายกลับมีเสียงพูดสะอื้นดังขึ้น แล้วยังบอกให้ไปโรงพยาบาลอีก หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

“คุณน้า… คุณน้าถูกรถชน!”

ได้ยินเสียงทั้งนั้น ญาธิดาร่างกายแข็งทื่อ คำนี้เป็นเหมือนฟ้าผ่า ที่ระเบิดข้างหูของเธอ

วินาทีต่อมา เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก “บอกแม่มา ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลไหน?”

“โรงพยาบาลพัฒนาครับ……”

“ลูกดูแลน้องใหม่นะ อย่าวิ่งเล่นไปทั่ว แม่จะไปเดี๋ยวนี้!”

สั่งเสร็จแล้ว ญาธิดาก็ตัดสาย แล้วมองไปทางธีทัตอย่างร้อนรน “อีธานบอกว่าอันอันถูกรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลพัฒนา!”

ธีทัตได้ยินแล้วอดไม่ได้ขมวดคิ้ว สีหน้าเข้มงวดขึ้นมาทันที

อธิบายเหตุการณ์กับเจนนิเฟอร์เสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบไปโรงพยาบาลทันที

ตอนนี้มาถึงหน้าประตูห้องฉุกเฉิน อีธานกับเอลล่านั่งรออยู่บนเก้าอี้หน้าประตู มองดูห้องฉุกเฉินยังเหม่อลอย เสื้อผ้าบนตัวเปื้อนไปด้วยเลือด ข้างๆมีพยาบาลอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา

“อีธาน เอลล่า!”

ญาธิดาน้ำตารื้นขึ้นมา เธอรีบวิ่งเข้าไปหาลูกๆ

เด็กสองคนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รีบเงยหน้าขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นเธอ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“แม่ครับ/ค่ะ!”

เลยนะได้ยินเสียงสะอื้นของพวกเขา หัวใจญาธิดาก็แทบแตกสลาย

ธีทัตเห็นมือโชนที่มีผ้าพันแผล ก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

บอดี้การ์ดโชนตอบไปตามความจริง “วันนี้คุณหนูพาคุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยไปพิพิธภัณฑ์ ด้านข้างมีโจรสองคนวิ่งออกมาจะทำร้ายพวกเขา ผมเลยต่อสู้กับพวกเขาขึ้นมา พวกเขาเอามีดมาด้วยแล้วบาดมือผม พวกคุณหนูวิ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่คิดว่าจะถูกรถชนเข้า”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของธีทัตก็มืดมนลง เขายังไม่ทันได้พูด โชนก็พูดขึ้นว่า “คุณผู้ชายครับ ผมมันไร้ความสามารถ ผมพร้อมรับการลงโทษครับ”

ธีทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย นิ่งเงียบสักพักแล้วพูดเสียงเข้มว่า “นายกลับไปรักษาแผลก่อน ให้หมอกมาแทน”

โชนได้ยินแล้ว ก็ตอบด้วยสินะเคารพว่า “ครับ”

ธีทัตนิ่งเงียบ มองดูญาธิดาที่กอดอีธานเอลล่าเอาไว้ แล้วสั่งเสียงเข้มว่า “อีกอย่าง เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกธิดา”

“ครับ”

ทางนั้น ญาธิดาตรวจดูร่างกายของอีธานเอลล่าไม่มีบาดแผลแล้ว ก็เงยหน้ามองห้องผ่าตัดที่ผ่าไปชั่วโมงกว่า ในใจก็ไม่สบายใจเอามากๆ

เพราะวันนี้เธอต้องไปสตูดิโอของเจนนิเฟอร์กับธีทัต ดังนั้นเลยฝากอีธาน เอลล่าไว้กับอัญมณี ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ส่งเด็กสองคนไปพักผ่อนที่ห้องพักผู้ป่วยเสร็จแล้ว ญาธิดาก็มาเฝ้าที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยจิตใจที่ร้อนรนและกระวนกระวาย “ทัต อันอันจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ธีทัตยื่นมือไปจับมือญาธิดาไว้แน่น แล้วพูดปลอบใจว่า “ธิดา ไม่ต้องกลัวนะ อันอันจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ในใจเขาก็ร้อนรนอย่างมาก มือที่แนบไว้ข้างตัวก็กำหมัดไว้แน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ

อัญมณีเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา ตอนนี้เธอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาจะไม่เป็นห่วงได้ยังไง?

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ญาธิดายืนจนขาชาไปหมด ไฟที่หน้าห้องผ่าตัดก็ถึงปิดลง

ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอเดินออกมา ญาธิดากับธีทัตรีบเดินเข้าไปหา แล้วถามอาการของอัญมณี “หมอคะเธอเป็นยังไงบ้าง?”

“อาการไม่สู้ดีนัก ขาหักแบบร้าวทั้งหมด สมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก พวกเรารักษาเสร็จแล้ว เบื้องต้นก็คงต้องดูการพักฟื้นของเธอเอง”

ได้ยินแบบนี้แล้ว ญาธิดาร่างกายแข็งทื่อ ตัวเย็นยะเยือก ขยับริมฝีปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลย

เธอไม่คิดว่า อาการจะรุนแรงขนาดนี้!

เธอแสบจมูก น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

วินาทีนั้น ร่างกายของเธอเย็นยะเยือกไปหมด มองดูธีทัตอย่างหมดหวัง “ทัต……ทำยังไงดี?”

“ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวฉันจะลองหาทางดู” ธีทัตขมวดคิ้วตบไหล่เธอเบาๆ “เธอกลับไปดูแลอีธานกับเอลล่าที่ห้องผู้ป่วยเถอะ ฉันจะติดต่อกับโรงพยาบาลเอง ไม่ต้องกลัวนะ”

ปลอบใจญาธิดาเสร็จแล้ว ก็ส่งเธอกลับไปที่ห้องผู้ป่วย ธีทัตเดินไปหน้าต่างตรงทางเดินของโรงพยาบาล จุดบุหรี่หนึ่งมวน

ไม่นานก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้นมา เสี่ยงทุ้มต่ำดังขึ้น “คุณผู้ชายเรียกผมเหรอครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์