เมื่อถึงโรงพยาบาลที่หมอเจมส์อยู่ในต่างประเทศ วันเวลาได้ผ่านไปในชั่วพริบตา
ตั้งแต่วันที่พวกเขามาถึงโรงพยาบาล เจมส์ก็ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญของตัวเองในการจัดตั้งทีมแพทย์ เขาดำเนินการวางแผนรักษาอันอันอย่างรวดเร็วพร้อมกับบังคับใช้ในทันที
เนื่องจากขั้นตอนการรักษานั้นต้องเป็นมืออาชีพและต้องเป็นความลับ ญาธิดาและธีทัตแทบจะไม่ได้เจออันอันเลย พวกเขาพักอยู่ในโรงแรมห้าดาวข้างโรงพยาบาล นอกจากจะไปพบหมอที่โรงพยาบาลแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำมากสุดในทุกๆ วันก็คือเที่ยวไปรอบๆ เมือง
จะว่าไป นี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุดของญาธิดาในสองปีที่ผ่านมานี้ เธอพาอีธานและเอลล่าเที่ยวทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ เดินชมโบสถ์ กินอาหารอร่อย แม้แต่วิวที่ท่าเรือพวกเขาก็ชมไปหลายรอบเช่นกัน บางครั้งก็ออกไปเที่ยวกับธีทัตและเกล้าแก้วบ้าง ในตอนกลางคืน พวกเขาไปชมวิวกลางคืน ไปเที่ยวบาร์ ฟังเพลงชิลๆ และดื่มเหล้านิดหน่อย
และแล้ว เธอไม่รู้เลยว่า ในช่วงเวลาที่เธอกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศในเมืองนี้ STN Groupที่เมือง Jในประเทศนั้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เป็นเวลา3วันติดต่อกัน ที่ภวินท์ประธานSTN Groupนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่รัฐภูมิเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งก่อน หุ้นส่วนและบอร์ดบริหารระดับสูงในบริษัทก็เริ่มอยู่ไม่นิ่ง ทุกคนต่างเริ่มหวั่นใจ
บวกกับสองพ่อลูกจากบริษัทวรโชติที่มีกระแสระดมพลและทำดีด้วย ทุกคนจึงรู้สึกลังเล เมื่อต้องเผชิญกับการนัดทานข้าวของชนัดพล พวกเขาลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของรัฐภูมินั้นมีการเล่าต่อกันออกไปอย่างแตกต่างกัน คนส่วนใหญ่เดาว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม แต่ส่วนใหญ่ก็ได้รับข้อมูลอย่างลมๆ แล้งๆ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ทุกคนจึงทำได้แค่เล่ากันปากต่อปากเท่านั้น
แต่ยิ่งมีคนพูดถึงมากเท่าไหร่ เรื่องราวค่อยๆ ดูเหมือนจะจริง ความน่าเชื่อถือก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
และพวกผู้ถือหุ้นที่รัฐภูมิที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของชนัดพลด้วยกันก่อนหน้านี้นั้น แต่ละคนก็เดากันไปคนละแบบ วันนั้นรัฐภูมิมีปากเสียงกับชนัดพล จากนั้นวันที่สองเขาก็เกิดอุบัติเหตุ เรื่องนี้จึงทำให้ผู้คนสงสัยกันเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ทุกวันนี้ที่มองไปยังสองพ่อลูกตระกูลวรโชติ พวกเขาจะรู้สึกกลัวมากขึ้นเล็กน้อย แม้จะพบกันแค่ผิวเผิน พวกเขาก็จะเผยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
ตามด้วยสองพ่อลูกตระกูลวรโชติกับผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงของSTN Groupที่เหมือนปลาได้น้ำ บวกกับภวินท์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยติดต่อกันหลายวัน อำนาจภายในบริษัทจึงค่อยๆ สั่นคลอน
วันที่ห้าที่ภวินท์หายตัวไป ภูผาก็ได้ปรากฏตัวในบริษัท เขาได้จัดการประชุมฉุกเฉินในฐานะผู้ถือหุ้น ในเวลาเพียงไม่นาน เขาได้รับคะแนนเสียงข้างมาก เสียงส่วนมากสนับสนุนให้เขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในฐานะทายาทคนที่สองของปกรณ์จากตระกูลสถิรานนท์
ในชั่วขณะหนึ่ง มีการถกเถียงกันในเมือง J เกี่ยวกับศึกแย่งชิงตำแหน่งของพวกไฮโซ ไม่มีคนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ ทุกคนต่างรู้สึกสนุกกับประเด็นนี้ แต่ครั้งนี้ภวินท์ดันหายตัวไป จากนั้นคุณชายรองของตระกูลสถิรานนท์ก็ได้เข้ายึดตำแหน่งในทันที ทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้จริงๆ อดไม่ได้ที่จะคาดเดากันไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
แต่ว่า เจ้าตัวปกรณ์ที่เป็นเสาหลักของตระกูลสถิรานนท์นั้นอยู่ต่างประเทศ เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อความวุ่นวายในประเทศมาก่อน ส่วนนายท่านตระกูลสถิรานนท์ก็หายตัวไปเช่นกัน แม้ว่าทางตำรวจได้ส่งคนไปตามรอยภวินท์ แต่กลับไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ได้มีข่าวสะเทือนขวัญจากเมือง J ทางตำรวจพบศพชายวัยกลางคนที่ถูกสัตว์ป่าฉีกร่างหลังเขาเขารามตรงหญ้ากก ศพนั้นเน่าเปื่อยและเหม็นเน่า หลังจากที่เทียบDNA ยืนยันตัวตนของศพว่าเป็นร่างของภวินท์แล้ว พวกเขายังพบอุปกรณ์ทานอาหารและเต็นท์อยู่ข้างหญ้ากก พร้อมกับข้าวของส่วนตัวของภวินท์
จากการตรวจสอบของตำรวจ จนในที่สุดก็หาสาเหตุได้ว่า ผู้ตายนั้นมาล่าสัตว์ป่าบริเวณหญ้ากก สุดท้ายแล้วโดนสัตว์ป่าโจมตีกลับจนเสียชีวิต
หลังจากที่ตระกูลสถิรานนท์ได้ทราบข่าว ก็ได้จัดงานศพให้ภวินท์อย่างยิ่งใหญ่โดยมีภูผาเป็นเจ้าภาพ ระหว่างนั้นนายท่านของตระกูลสถิรานนท์ก็ได้ปรากฏตัว คนผมขาวส่งคนผมดำ เธอร้องไห้จนเกือบจะเป็นลม ภูผาก็สีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...