ธีทัตได้กลับมาจากฟิลาเดลเฟีย แล้วเริ่มใช้เวลากับพวกเขามากขึ้น ส่วนอาการของอัญมณีก็ค่อยๆ ดีขึ้น ในช่วงเวลาที่ไม่ถึงหนึ่งเดือน เธอค่อยๆ มีการตอบสนองบ้าง เพียงแต่ว่าร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะอ่อนแอ ระหว่างนั้นหลังจากที่เธอเคยตื่นมาแล้วหนึ่งครั้ง ก็ได้นอนหลับไปอีกครั้งโดยยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา
เจมส์ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการให้พวกเขาคร่าวๆ เขาบอกว่าอาจเป็นเพราะคนไข้อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลานาน การทำงานของร่างกายและอวัยวะต่างๆ จึงอยู่ในภาวะสงบนิ่ง คนไข้ไม่สามารถที่จะฟื้นตัวได้ในทันที แต่การที่เธอตื่นขึ้นมาได้นั้น ก็ถือว่าพวกเขาได้ชัยชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง หากอัญมณีตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอจะตื่นได้นานกว่าครั้งแรก
หลังจากช่วงกลางวัน ญาธิดาที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จ ได้นั่งพักอยู่บนชิงช้าหลังโรงพยาบาล จนในที่สุดเธอก็หาวิธีล็อกอินเข้าไลน์ได้สำเร็จ หลังจากที่ล็อกอินได้ เพียงไม่นาน ก็มีข้อความมากมายที่เด้งขึ้นมา
เธอยังไม่ทันได้สังเกตดีๆ ก็เจอกับข้อความของคุณปภาวี เธอได้รับข้อความจากคุณปภาวีเกือบร้อยข้อความ จนเธอรู้สึกผิดนิดหน่อย
ช่วงเวลาเกือบหนึ่งเดือนนี้ เพราะเธอทำโทรศัพท์หาย เธอจึงซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ของต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถล็อกอินเข้าไลน์ได้ บวกกับที่เธอยุ่งอยู่กับดูแลอันอัน เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับดร.ยติภัทรและคุณปภาวีแม้แต่คนเดียว
จนกระทั่งวันนี้ ในที่สุดเธอก็หาวิธีล็อกอินได้ แล้วพบกับข้อความของคุณปภาวี ทำให้เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยไปโดยปริยาย
เธอส่งวิดีโอคอลกลับคุณปภาวี เพียงไม่นาน ปลายสายก็กดรับ หน้าจอปรากฏภาพสีหน้าที่น่าตกใจของคุณปภาวี
“ธิดา!”
คุณปภาวีทั้งรู้สึกตกใจและดีใจ เธอรีบถามว่า “ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ทำไมติดต่อลูกไม่ได้เลย? แม่กับพ่อเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนู......”
ญาธิดารู้สึกซาบซึ้ง แต่ก็อยากหัวเราะ กับคำถามมากมายที่คุณปภาวีถามจนไม่เว้นช่วงให้เธอได้ตอบ มุมปากของเธอยกขึ้น ไม่รู้ว่าควรเริ่มเล่าจากอะไรดี น้ำตาเธอคลออยู่ใต้ตา เธอถอนหายใจ แล้วพูดว่า “แม่คะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ แม่สบายใจหายห่วงได้เลย พอดีหนูทำโทรศัพท์หายตอนนั่งเครื่องบิน จากนั้นก็ซื้อโทรศัพท์กับซิมใหม่ของต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้ติดต่อพ่อกับแม่เลย......”
คุณปภาวีได้ยินเช่นนั้น น้ำตาก็ไหลลงมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “เจ้าเด็กนี่ ทำไมไม่ติดต่อพ่อกับแม่......หนูรู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงขนาดไหน!”
หลังจากที่โดนจี้ถามเรื่องมากมาย เธอก็ได้เห็นดร.ยติภัทรบนหน้าจอโทรศัพท์ เขานั่งเฉียงอยู่ด้านหลังของคุณปภาวี พอเห็นคุณปภาวีร้องไห้ไม่หยุด เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผมบอกคุณแล้วไงว่าลูกไม่เป็นอะไรหรอก ลูกอยู่กับทัต จะมีเรื่องอะไรได้ยังไง?”
คุณปภาวีมองบนใส่เขา พูดอย่างหงุดหงิด “ก็ฉันเป็นห่วง! คุณใช่ว่าจะไม่รู้สักหน่อยว่า ก่อนหน้านี้คนตระกูลสถิรานนท์ทั้งหายไปอย่างไร้ร่องรอยบ้างโดนฆาตกรรมบ้าง เรื่องนี้ทำให้ใจของฉันอยู่ไม่นิ่งเลย กลัวว่าญาธิดาจะเกิดเรื่องอะไร......”
คำพูดของเธอที่โพล่งอกมานั้น ไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ดี ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ และหยุดพูดอย่างรวดเร็ว เธอหันไปมองไปยัง ดร.ยติภัทรอย่างหวาดระแวง
สีหน้าของดร.ยติภัทรได้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ราวกับว่ากำลังโทษเธอที่พูดอะไรที่ไม่ควรจะพูดออกไป
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในความสงบไปสักพัก ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย นึกว่าตัวเองฟังผิดไป แต่พอเห็นสีหน้าของพ่อแม่แล้ว เธอจึงนึกบางอย่างขึ้นได้ภายหลัง
เธอถึงกับอึ้ง พร้อมถามคำถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “แม่คะ เมื่อกี้แม่บอกว่าคนตระกูลสถิรานนท์ทำไมนะคะ?”
คุณปภาวีหันกลับมา สีหน้าถึงกับซีด ริมฝีปากของเธอกระตุก เธอกำลังลังเลว่าจะพูดดีไหม ท้ายสุดเธอก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงไป ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “เปล่า......ไม่มีเรื่องอะไร!”
คุณปภาวีไม่ถนัดด้านการโกหกคน ญาธิดาที่ใช้ชีวิตอยู่กับเธอมายี่สิบกว่าปี ทำไมจะดูไม่ออกว่าเธอกำลังโกหก
เธอเริ่มจะรับรู้ถึงความสาหัสของเรื่องนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ?”
ช่วงเวลาท่ี่อยู่ต่างประเทศนั้น เธอไม่เห็นข่าวของเมือง Jเลย เธอจึงไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พอได้ยินสิ่งที่แม่ตัวเองพูดเมื่อกี้แล้ว หรือว่าตระกูลสถิรานนท์จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น?
ใบหน้าที่สง่าสูงส่งของชายผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวของเธอทันที พร้อมกับความไม่สบายใจที่แวบขึ้นมา แม้แต่ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์เอาไว้ก็เริ่มมีเหงื่อออกโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...