หากเรื่องไหนที่ญาธิดาตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครที่สามารถจะรั้งเธอไว้ได้
หลังจากที่เธอบอกเรื่องนี้กับอีธานและเอลล่า เช้าตรู่วันที่สอง ก็รีบพาพวกเขา ขึ้นเที่ยวบินที่เช้าที่สุด บินตรงสู่เมือง J
ภายในเย็นวันนั้น พวกเขาก็ได้ถึงจุดหมายปลายทาง ญาธิดาพาอีธานและเอลล่ามุ่งตรงสู่แกรนด์ บูเลอวาร์ด
วินาทีที่คุณปภาวีเปิดประตูนั้น ถึงกับเบิกตากว้างอย่างรู้สึกอึ้ง เธอไม่คิดว่าผู้หญิงที่คุยกันในโทรศัพท์เมื่อวานนั้น จะมาอยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับลูกๆ
“พวกลูก......พวกลูกกลับมากันทำไม?”
ญาธิดารู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนยิ้ม พูดติดตลกว่า “ทำไมคะ? ไม่ต้อนรับหรือคะ?”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย พวกลูกกลับมาแม่จะไม่ต้อนรับได้หรอ!”
คุณปภาวียิ้มพลางจูงมืออีธานและเอลล่าเด็กน้อยทั้งสองเดินเข้าไปในบ้าน ญาธิดาสูดหายใจเข้า ก่อนจะเดินก้าวขาตามเข้าไป
ถึงแม้ว่าจะถึงเมือง Jแล้ว แต่ความกังวลในใจของเธอนั้นยังคงไม่สงบลง
ในขณะที่อีธานและเอลล่านั้นกำลังเล่นสนุกอยู่กับดร.ยติภัทรนั้น ญาธิดาก็ได้ลากคุณปภาวีปลีกตัวออกมา คุณปภาวีที่เห็นสีหน้าจริงจังของเธอ ก็พอจะเดาออกว่าเธอต้องการอะไร “ลูกอยากถามเรื่องของภวินท์?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้า เธอรู้ตัวว่าไม่สามารถปิดบังคุณปภาวีได้ จึงพยักหน้ายอมรับ “ใช่ค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลสถิรานนท์กันแน่คะ?”
คุณปภาวีถอนหายใจ แล้วเล่าเรื่องสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันให้กับญาธิดา
ญาธิดาขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เธอรู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที จากนั้น เธอลองคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด เธอคิดว่าข่าวสารเวอร์ชันที่แม่เธอได้รับนั้น ความน่าเชื่อถือไม่ได้สูงขนาดนั้น
ยังไงแล้ว สิ่งที่พวกเขารู้นั้น เป็นสิ่งที่คนอื่นอยากให้พวกเขารู้เท่านั้น
ช่วงกลางคืน เธอออกจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด แล้วซื้อซิมโทรศัพท์ใหม่ จากนั้นเธอก็ได้อ่านข่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นบนอินเทอร์เน็ตอีกหนึ่งรอบ เธอพยายามหาหลักฐานต่างๆ
ยังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าภวินท์จะเสียชีวิตง่ายๆ แบบนี้
อีกอย่าง ในใจของเธอนั้นสันนิษฐานว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับภูผา
ระหว่างเลื่อนอ่านข่าวนั้น เธอก็รู้สึกเมื่อยตาเล็กน้อย ทันใดนั้น มีบางอย่างผุดเข้ามาในหัวของเธอ เธอชะงักอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ใหม่ขึ้นมา แล้วโทรหาโทรศัพท์เครื่องเก่าที่เธอได้ทำหายไป
เสียง “ตู๊ด ตู๊ด” ดังอยู่สองสามครั้ง แสดงว่ายังโทรติดอยู่ แต่กลับไม่คนรับสายเสียงั้น แต่ในวินาทีที่เธอกำลังจะกดวางสายนั้น ใครจะไปคิดว่าโทรศัพท์นั้นสั่น ฝั่งปลายสายกดรับสายเสียงั้น
เธอรู้สึกดีใจ แล้วรีบเอ่ยปากพูด “สวัสดีค่ะ?”
ฝั่งปลายสายกลับเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ญาธิดาชะงัก รับรู้ถึงความผิดปกติ เธอรีบมองหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อยืนยันว่าสายยังไม่ถูกตัด แล้วรีบแนบหูอีกครั้ง แล้วลองถามว่า “สวัสดีค่ะ? มีคนอยู่ไหมคะ?”
ปลายสายยังคงเงียบสนิทอย่างน่ากลัว ญาธิดาเริ่มรู้สึกกลัว รู้สึกว่าปลายสายกำลังฟัง แต่ไม่ตอบกลับเธอ
นี่มันแปลกมาก
ขณะนั้นเอง ปลายสายได้มีเสียงที่แหลมของผู้หญิงดังขึ้น แต่เป็นเสียงที่อยู่ไกลออกไป ทำให้เธอไม่ค่อยได้ยิน แต่เธอได้ยินประมาณว่า “วันนี้ฉัน......”
เสียงของผู้หญิงยังไม่พูดไม่ทันจบ ปลายก็รีบตัดสายอย่างไม่ลังเล
หัวใจของญาธิดาสั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกเสียงผู้หญิงที่เธอได้ยินจากปลายสายนั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเป็นเสียงที่เคยได้ยินจากที่ไหน แต่จะให้เธอนึก ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน
.....
และในขณะเดียวกัน ในห้องสมุดชั้นสองของบ้านพักชานเมือง ภูผามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่เยือกเย็น
เกล้าแก้วสูดหายใจเข้า รู้สึกผิดเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ครามได้ย้ำเตือนเธอแล้วว่า ก่อนเข้าห้องต้องเคาะประตูก่อน แต่วันนี้เธอกลับเดินโพล่งเข้ามาเลย
และเธอไม่รู้ว่าภูผากำลังคุยโทรศัพท์ แล้วดูจากสีหน้าของเขาแล้ว น่าจะเป็นสายสำคัญด้วย
เธอสูดหายใจเข้า และกำลังจะกล่าวขอโทษ “ขอโท......”
“ไม่เป็นไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...