ภูผาไม่นึกว่าเธอจะถามออกมาตรงขนาดนี้ เขานิ่งอยู่สักพัก จากนั้นก็ควงปากการุ่นลิมิเต็ดในมือเล่น แล้วตอบด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย “คุณญาธิดามาหาผมถึงที่นี่ เพื่อที่จะถามเรื่องแค่นี้หรือครับ?”
สีหน้าของญาธิดาแย่ลง แล้วจ้องมองท่าทางเขาอย่างไม่กะพริบตา เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “สถานการณ์ของภวินท์ คุณที่เป็นน้องชายน่าจะรู้ดีกว่าสิ ฉันเชื่อข่าวบนโซเชียลพวกนั้น ก็เลยมาถามคุณโดยตรงไงคะ”
ได้ยินแบบนั้น ภูผาก็หัวเราะออกมา เขาส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วตอบเสียงเบาว่า “คุณมองผมผิดไปจริงๆ ด้วย คุณใช่ว่าจะไม่รู้สักหน่อย ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ใหญ่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ข่าวพวกนั้นที่คุณเห็นบนโซเชียลคือความจริง”
ญาธิดาที่เห็นเขาทิฐิสูง ไม่ยอมพูดความจริงเสียที ก็พอจะเข้าใจแล้ว เธอยิ้มมุมปาก พูดด้วยเสียงเย็นชา “ถ้าอยางนั้นในใจของคุณคงมีความสุขมากสินะ?”
ทันใดนั้น สีหน้าของภูผาก็หม่นหมองลง เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม แสงอันเย็นเฉียบฉายขึ้นในแววตาของเขา
หลังจากนั้น เขาได้เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “งานศพพี่ใหญ่เพิ่งจัดไปเมื่อไม่นานนี้ คุณมาพูดแบบนี้ต่อหน้าผม ไม่ค่อยดีมั้งครับ?”
“หรือคะ?”
ญาธิดาหัวเราะอย่างไม่สนใจ เธอมองผู้ชายตรงหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าไปหลายครั้งในเวลาอันสั้น ในใจของเธอเหมือนยิ่งมั่นใจในสิ่งที่เธอสันนิษฐานเอาไว้
บทสนทนาแค่ไม่กี่ประโยค เธอก็มองออกเลยว่าภูผาไม่ใช่ตัวละครที่ธรรมดา ถึงแม้จะเป็นคนอื่น ก็ไม่มีวิธีที่ได้รับข่าวที่มีประโยชน์จากปากของเขาหรอก
เธอเมินสีหน้าที่เย็นชาเล็กน้อยของชายหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนเอง โค้งตัวไปทางเขาเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงต่ำกับเขาว่า “ขอโทษนะคะ ที่มารบกวน”
พูดจบ ไม่รอให้ภูผาได้พูดอะไรต่อ เธอหันหลัง แล้วเดินก้าวไปยังประตูอย่างไม่สนใจอะไร
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองตามหลังของเธอที่เดนออกไป แสงมืดมนเผยขึ้นในตาของเขา
เพียงไม่นาน ก็มีคนเคาะประตู ตามด้วย ครามที่ผลักประตูแล้วเดินเข้ามา เขาก้าวเข้ามาพร้อมรายงานสถานการณ์ “คุณภุผาครับ ญาธิดากลับไปแล้วครับ”
ได้ยินชื่อนี้ ภูผาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่สำคัญ เธอเป็นแค่หนึ่งในหมากรุกที่จะเล่นงานภวินท์ก็เท่านั้น เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นศัตรูของเขา แต่ว่าเมื่อสักครู่ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอมาเชิงเตือนเขา พร้อมกับน้ำเสียงที่เหมือนกำลังหลอกถามเขา
นี่มันอันตรายมาก เขาก็แค่อยากจะจู่โจมไปทางภวินท์แค่คนเดียว เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเรื่องอื่น แต่เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ญาธิดากลับกลายเป็นก้างที่ขวางเขา
ไม่รอให้เขาได้เรียกสติกลับมา ครามที่อยู่ด้านข้างพูดต่อ “เมื่อสักครู่ก่อนที่จะญาธิดากลับไป เธอมาผมเรื่องสุสานที่ฝังร่างของภวินท์ด้วยครับ”
หัวคิ้วของภูผากระตุก “นายบอกเธอไปหรือเปล่า?”
“บอกครับ” ครามอธิบาย “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับ ไม่ว่าจะดูข่าวหรือถามนักข่าวสุดท้ายเธอก็รู้อยู่ดีครับ ผมเกรงว่าการที่ไม่บอกเธอจะยิ่งทำให้เธอสงสัย ก็เลยบอกเธอไปครับ”
ภูผาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงที่ต่ำ “ไม่เป็นไร ไม่สำคัญ”
ครามชะงัก ก่อนจะรีบถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องส่งคนไปจับตามองเธอไหมครับ?”
ภูผาตอบอย่างไม่ลังเลว่า “จับตามองไว้”
จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่เจอร่างของภวินท์ ยังไม่สามารถมั่นใจได้ไว้เขานั้นได้ตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นในนาทีสุดท้ายนี้ เขาต้องระมัดระวังตัว ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว!
ส่วนญาธิดาผู้หญิงคนนี้ ถึงเธอจะฉลาด แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่มีทางเป็นศัตรูของเขา
พอคิดได้แบบนี้ หัวใจที่รัดแน่นของภูผาค่อยผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานขึ้นมากดคีย์ลัด ประกาศให้ทุกแผนกในบริษัทเข้าประชุม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...