นิวราลงมือหนัก บวกกับที่เล็บมือของเธอยาวมากเลยทำให้จิกเข้าไปในเนื้อของญาธิดา ซึ่งมันทำให้ญาธิดาเจ็บจนต้องขมวดคิ้วแน่น
เธอหันกลับไปมองนิวรา ในแววตาแฝงไปด้วยความโกรธ “ปล่อย”
นิวรากัดฟันแน่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ถ้าแกคิดอยากจะไปฟ้องคุณย่าเรื่องนั้น ฉันแนะนำว่าให้ล้มเลิกความคิดนั้นซะ ไม่อยากนั้นแกจะต้องเสียใจ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำข่มขู่ของเธอ ใบหน้าของญาธิดากลับเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอสะบัดมือออกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “นิวรา เธอขู่ฉันไม่ได้หรอก!”
นิวรายิ่งกระวนกระวาย พอเห็นว่าญาธิดากำลังจะเดินจากไป เธอก็รีบก้าวออกไปคว้าแขนของเธอไว้อีกครั้ง
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างโกรธจัด ขณะที่ความขัดแย้งกำลังจะเกิดขึ้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงมาข้างล่างดังมาจากบันได
พวกเธอทั้งคู่หันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง และเห็นคุณป้าที่กำลังเดินลงมาจากด้านบน
คุณป้าเหลือบมองพวกเธอทั้งสองคนด้วยแววตาประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณธิดา คุณนิวรา หิวกันหรือยังคะ? เดี๋ยวดิฉันจะไปเตรียมอาหารเที่ยง”
นิวราปล่อยมือที่จับแขนของญาธิดาออก และตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ ต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ?”
พูดจบเธอก็รีบเดินตามคุณป้าไปทางห้องครัว และไม่ลืมที่จะหันกลับมาจ้องตาเขม็งใส่ญาธิดา
หลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมง อาหารกลางวันก็เตรียมพร้อมแล้ว นิวราได้สร้างภาพลักษณ์เด็กสาวผู้แสนดีรู้ความให้ตัวเอง ช่วยคุณป้าทำนั่นทำนี่ พยายามสร้างความประทับใจให้คุณย่าและภวินท์
ภวินท์ออกมาจากห้องหนังสือ สิ่งที่เห็นคือนิวรากำลังถือจานอาหารไปวางบนโต๊ะอาหาร
พอเห็นเขา นิวราก็ทำหน้าประหลาดใจ พลางโบกไม้โบกมือให้เขา “พี่วิน หิวหรือยังคะ? นิวกับคุณป้าทำอาหารเสร็จแล้ว พี่รีบไปล้างมือก็พร้อมทานได้แล้วค่ะ”
สีหน้าของภวินท์ยังคงเป็นปกติเหมือนเคย “อืม” เขาขานรับแค่คำเดียวก่อนจะเข็นรถเข็นไปที่โต๊ะอาหาร
ไม่นานคุณย่าก็ลงมาด้วยเหมือนกัน เธอทำเมินเฉยกับการทำตัวว่าง่ายของนิวรา ตั้งแต่ต้นจนจบนอกจากคุยกับญาธิดาสามสี่ประโยคแล้ว เธอก็ไม่ได้มองมาทางนิวราเลยด้วยซ้ำ
อาหารเสิร์ฟครบแล้ว ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศน่าอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณย่าคะ ซี่โครงนี้หนูตั้งใจตุ๋นด้วยหม้ออัดแรงดันเลยนะคะ เนื้อนุ่มเปื่อยมาก คุณย่าลองชิมดูสิคะ”
นิวราพูดพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบซี่โครงให้คุณย่า
พอคุณย่าได้ยินแบบนั้นเธอก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “ขอบใจ”
“พี่วิน ลองชิมอาหารจานนี้ดูสิคะ นิวทำเองกับมือเลย...”
นิวรายุ่งหน้ายุ่งหลัง คีบอาหารให้ภวินท์เพิ่มอีกแล้ว
หนึ่งครั้ง สองครั้ง...และอีกหลายครั้ง จนภวินท์ขมวดคิ้วแน่น
ในที่สุด เขาก็วางตะเกียบลงบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาล่ะ นิว ทานข้าวไปเงียบ ๆ เสร็จแล้วฉันจะให้พายุไปส่งเธอ”
ทันทีที่ประโยคนี้เปล่งออกมา บรรยากาศก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้น เพียงไม่นานดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา “พี่วิน ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ”
ไม่ทันที่ภวินท์จะได้พูดอะไร คุณย่าก็พูดเสียงเข้มขึ้นมาว่า “เอาล่ะ วินก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ทุกคนทานข้าวกันเงียบ ๆ”
คำพูดนี้ของเธอค่อนข้างขึ้นเสียงเล็กน้อย เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ทั้งนิวราและภวินท์ต่างก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้ ทั้งสี่คนทานข้าวกันโดยไม่พูดไม่จา บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง นิวราก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “จริงด้วย ยังมีซุปอีกอัน น่าจะเคี่ยวเสร็จแล้ว!”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสักพัก เธอก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับหม้อซุป เธอเดินช้าๆ อย่างระมัดระวัง เดินตรงมาทางนี้
ญาธิดาหันกลับไปมองเธออย่างไม่ตั้งใจ ไม่รู้ทำไมเธอถึงเอาแต่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ได้แต่ขมวดคิ้วแน่และวางตะเกียบในมือลง
เมื่อคุณย่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอเห็นเขาก็รีบเอ่ยปากถามขึ้นมาทันทีว่า “ทำไมไม่กินแล้วล่ะ? ไม่ถูกปากเหรอ?”
เมื่อญาธิดาได้ยินแบบนั้น เธอก็ส่งยิ้มให้คุณย่าและส่ายหน้าไปมา “เปล่าค่ะ อร่อยดีค่ะ”
เธอเพิ่งจะพูดจบ ยังไม่ทันได้หันกลับไปมองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านข้าง จากนั้นเธอก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ด้านหลังของเธอ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านและร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...