พยัคฆ์ได้ยินว่าภวินท์ได้รับบาดเจ็บ จึงเบิกตากว้างฉับพลัน และก็ถามขึ้นด้วยความด้วยความตกใจ “ผู้ชายคนเมื่อกี้ขีดข่วนคุณภวินท์จนได้รับบาดเจ็บเหรอครับ”
ญาธิดาพยักหน้าเบาๆ
“เป็นไปไม่ได้” พยัคฆ์พลางไม่อยากเชื่อและพลางโกรธ “ด้วยฝีมือของคุณภวินท์ ต่อให้ลุกยืนไม่ขึ้น เขาก็ไม่มีทางถูกขีดข่วนจนเจ็บได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้
ญาธิดาได้ยินดังนั้น หัวใจก็หนักอึ้ง
สถานการณ์ตอนนี้บ่งบอกได้ถึงสองสิ่ง ที่ภวินท์ถูกกริชบาดจนเจ็บ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องปกป้องตัวเองให้ปลอดภัย จึงยอมถอย จะต้องเป็นเพราะเขาไม่ต้องการทำร้ายธีระ
และในเวลานี้ เสียงของพยัคฆ์ได้ดังขึ้น ดึงสติของเธอกลับสู่ความเป็นจริง “มีอาวุธสังหาร พวกเราสามารถแจ้งความได้แล้ว”
เห็นเพียงพยัคฆ์นั่งยองอยู่บนพื้น เก็บกริชที่ถูกภวินท์เตะลงใต้เตียงอย่างระมัดระวัง
ราวกับกลัวจะทำลายรอยนิ้วมือบนนั้น และเขายังใช้เสื้อผ้ารองมือตอนเก็บด้วย
ญาธิดาหัวใจบีบแน่น หายใจลึกๆ แล้วกล่าว “เก็บสิ่งนี้ไว้ก่อน ยังไม่ต้องแจ้งความ รอให้ภวินท์พันแผลเสร็จกลับมาแล้วค่อยว่ากัน”
ตามความรู้สึกของเขา ภวินท์คงจะไม่คิดแจ้งความ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เตะกริชนี้ไปที่ใต้เตียงก่อนที่พยาบาลมา
พยัคฆ์รับคำ เก็บกริชขึ้นมา จากนั้นก็ทำความสะอาดรอยเลือดที่เป็นจุดๆ บนพื้นอย่างรวดเร็ว
ญาธิดานั่งอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่สับสน
พักนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ เธอหันหน้าไปมองท้องฟ้าด้านนอกที่มืดสลัว จากนั้นค่อยๆ จมสู่ในห้วงแห่งความคิด
สภาพความเป็นอยู่แบบนี้ เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากยอมรับที่สุด จะต้องคิดหาทางแก้ไขให้เร็วถึงจะถูก
ท้องฟ้าค่ำมืดลง ยามราตรีเยื้องกรายเข้ามา
นิวราออกมาจากคลินิกด้านผิวหนังด้วยสีหน้าที่หมองหม่น
ระหว่างรอลิฟต์หยุด เธอเหลือบเห็นกระจกสะท้อนแสงข้างๆ ที่สะท้อนเงาคนอย่างเห็นได้ชัด จึงขมวดคิ้วขึ้น
แก้มของเธอแปะด้วยแผ่นปลาสเตอร์เล็กๆ เป็นตำแหน่งที่เธอถูกพายุบาดจนเป็นบาดแผล
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าภวินท์จะกล้าให้คนลงมือกับเธอ หรือว่าในใจเขาตอนนี้ไม่เหลือที่ไว้สำหรับเธอแล้ว!
ขณะที่กำลังคิดเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็หมองหม่นขึ้นเรื่อยๆ
และในเวลานี้ มีเสียงพูดเสียงหัวของหญิงสาวดังลอยจากข้างๆ ทั้งคู่แต่งตัวอย่างทันสมัยเดินออกมาจากคลินิกอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พลางพูดพลางเดินมุ่งไปทางลิฟต์
หนึ่งในนั้นสังเกตเห็นนิวราที่อยู่ทางนี้ เมื่อจำได้ว่าเป็นเธอ ก็รีบขยิบตาใส่เพื่อนที่อยู่ข้างๆ
ไม่ช้า เสียงหัวเราะของหญิงสาวก็ดังขึ้น “อุ๊ย! ก็นึกว่าใคร ว่าแล้วทำไมถึงคุ้นหน้าอย่างนี้”
นิวราเดิมทีก็อารมณ์หงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงจึงหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนนั้น สีหน้าก็ยิ่งดูแย่
ผู้หญิงสองคนนั้นคนหนึ่งชื่อมีมี่ คนหนึ่งชื่อจีน่า ล้วนเคยรู้จักกันในแวดวงคนดังมาก่อน และวันนี้ดันมาเจอทั้งสองคนนี้ที่ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไร
“ไม่เจอตั้งนานเลยนะคะคุณนิว”
ได้ยินมีมี่กล่าวทักทายอย่างแปลกๆ เธอขมวดคิ้วขึ้น ยิ้มอย่างขอไปที “ไม่เจอกันนานเลยค่ะ”
ทิ้งประโยคนี้แล้ว เธอก็หันหน้าไปอย่างหมดความอดทน ไม่อยากจะเสวนาด้วยแม้แต่คำเดียว
สักพัก มีมี่กับจีน่าสบตากันด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...