ญาธิดาหันหน้าไปมองเขา จนเริ่มร้อนใจแล้ว ใบหน้าฝืนกลั้นจนแดงแจ๋ “ไม่มีอะไรน่าดูนี่!”
ดวงตาดำขลับของภวินท์เพ่งจ้องใบหน้าของเธอ “หน้าแดงขนาดนี้แล้ว คงไม่คิดว่าผมจะทำอะไรคุณมั้ง?”
ญาธิดารีบสวนปฏิเสธทันควัน “อะไรนะ?”
“งั้นก็ให้ผมดูหน่อยแล้วกัน วางใจได้เลย ผมไม่คิดจะทำอะไรคุณอยู่แล้ว”
คำพูดของชายหนุ่มปะปนด้วยความเถรตรงที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ จนทำให้ญาธิดาทั้งอายทั้งโมโห
เธอหน้าแดงระเรื่อ ตอนที่เตรียมจะถกเถียงกับเขานั้น จู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาอย่างไม่บอกไม่กล่าว กระทั่งดึงมือทั้งสองข้างของเธอกุมเอาไว้ในฝ่ามือ ถัดจากนั้น เขาก็ยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง พลันเลิกเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซซ์ของเธอขึ้น
บริเวณที่โดนลวกทางด้านหลังจนได้รับบาดเจ็บพลางแห้งสมานแล้ว บ้างก็ตกสะเก็ดออกมา แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ตกสะเก็ด ผิวพรรณขาวเกลี้ยงเกลาเป็นรอยแผลติดเนื้อเป็นหย่อมๆ พลันมองจนทำให้เขาอดใจขมวดคิ้วนิ่วหน้าไว้แน่น
“เพี๊ยะ!”
ญาธิดาสะบัดมือของเขาอย่างทันควัน โดยใช้ฝ่ามือตีลงบนท่อนแขนของเขาอย่างไร้เยื่อใย เธอทั้งโกรธทั้งโมโห “ภวินท์ คุณทำอะไรเนี่ย!”
มีที่ไหนกันที่ถลกเสื้อผู้หญิงแบบนี้!
ภวินท์ช้อนดวงตาขึ้น จู่ๆ แววตาก็เคร่งขรึมลงมา พร้อมทั้งจับจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย “นี่คือที่คุณพูดว่าหายดีแล้วใช่มั้ย?”
เสียงของเขาแสดงความเย็นชาอย่างไม่ต้องสงสัย พลันแสดงความโกรธเคืองอยู่ในนัยน์ตาขึ้นมาอีกชั้น
การถูกเขามองเช่นนี้ จู่ๆ ญาธิดาก็รู้สึกเหมือนลูกบอลลมที่ถูกดูดลมออกแล้ว จนไม่สามารถระเบิดอารมณ์ออกมาจากหัวใจอันหดหู่ได้
เธอหยุดชะงัก ตอนที่กำลังเตรียมเอ่ยปากพูด จู่ๆ ภวินท์ก็เขยิบเข้าหาเธออย่างไร้วี่แววใดๆ และกดเสียงพูดอย่างเคร่งขรึม “แผลบนตัวยังไม่หายดีก็กล้าดื่มเหล้า ญาธิดา คุณไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน?”
หัวใจญาธิดาบีบรัดไว้แน่น พลันตอบปฏิเสธตามสัญชาตญาณ “ฉันไปดื่มเหล้าตอนไหนคะ?”
“ค็อกเทลมันมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ คุณคิดว่าจะปิดผมมิดไหมล่ะ?”
เขาพูด พร้อมทั้งยกมือขึ้น เชิดปลายคางของเธอ จากนั้นก็เบียดทับร่างกายมาทางเธอ
วินาทีนั้น ญาธิดาราวกับหยุดหายใจ ร่างกายเกร็งทื่อในทันที พลันมองใบหน้าอันหล่อเหลาสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านหน้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้เรื่อยๆ หัวใจเต้นจนจะหลุดออกมาจากทรวงอกอยู่แล้ว
ปลายจมูกของทั้งสองคนจ่ออยู่ระยะกระชั้นชิด ซึ่งมีระยะห่างอยู่หนึ่งนิ้วมือได้ ภวินท์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าผ่อนคลายลง เพื่อรักษาระยะห่างของทั้งสองคน พลันจ้องมองเธอและกล่าวอย่างเย็นชาใส่ “น้ำสับปะรด วอดก้า แล้วไปดื่มกับผู้ชายสี่คนพร้อมกัน คุณอยากจะมอมเมาเหล้าให้ตัวเองใช่มั้ย?”
ญาธิดาทั้งตกใจทั้งตื่นตระหนก ไม่คาดคิดเลยว่าเขาถึงขั้นรู้ด้วยว่าตัวเธอเองไปดื่มเหล้าอะไรมา ยังรู้เรื่องที่เธอไปดื่มเหล้ากับผู้ชายสี่คนอีก เนื่องจากอาการตื่นตระหนกจนพูดติดๆ ขัดๆ “คะ...คุณรู้ได้ยังไง?”
สีหน้าภวินท์ฉายความโกรธเคืองเล็กน้อย พลันเพ่งมองเธออย่างเย็นชา “รอยแผลที่อยู่บนตัวของคุณยังไม่ทันตกสะเก็ดจนหมด ตอนนี้ยังมาดื่มเหล้าอีก การกระตุ้นของแอลกอฮอล์มันจะทำให้ร่างกายแดงเป็นปื้น จนทำให้เกิดปรากฏการณ์รอยคล้ำ คุณอยากมีรอยแผลเป็นอยู่บนแผ่นหลังตลอดชีวิตไปเลยใช่มั้ย?”
ญาธิดาหมดคำพูดทันที แต่ก็รู้ตัวเองว่าตนเองทำไม่ถูกต้อง จนสวนกลับไม่ถูก แต่เมื่อตะลึงไปชั่วครู่ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เธอจะมีรอยแผลหรือเปล่าแล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับภวินท์ล่ะ?
เมื่อเธอฉุกคิดถึงจุดนี้ เธออดใจไม่อยู่จนบ่นพึมพำออกมา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณคะ...”
นัยน์ตาภวินท์ขรึมลงเล็กน้อย “ฉะนั้นคุณก็สามารถไปนั่งดื่มเหล้ากับผู้ชายด้วยกันได้ใช่มั้ย?”
เมื่อครู่ตอนที่เขานั่งอยู่บนรถ จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ญาธิดาอยู่ร่วมกับชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่พวกนั้น ก่อนจะกลับคนคนนั้นยังยัดของอะไรให้เธอ วินาทีนั้น กองเพลิงที่อยู่ในใจของเขามันก็อดเก็บอาการไว้ไม่อยู่แล้ว
หัวใจภวินท์เย็นเฉียบ จากนั้นก็พูดอย่างเชือดเฉือนมากกว่าเดิมตามมาติดๆ “ไม่กลัวว่าธีทัตกับฝาแฝดจะเห็นเข้าหรือยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...