ญาธิดารู้สึกจิตใจไม่สงบ พลันตัดสินใจทันควัน เมื่อลุกขึ้นเตรียมมุ่งหน้าเดินมาทางด้านนอก “ไม่ได้ ฉันต้องไปดูสักหน่อย!”
จังหวะนี้เอง หน้าประตูห้องทำแผลก็มีประกาศหมายเลขขึ้นมา “คุณญาธิดา ภูสิทธ์อุดม รบกวนทำแผลที่ห้องหมายเลขสามค่ะ”
ญาธิดาขมวดหัวคิ้วไว้แน่น โดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี พยัคฆ์เร่งฝีเท้าเดินออกมาทันควัน เพื่อดักหน้าเธอพลางพูดทันที “พี่ธิดา ผมมองว่าควรทำแผลก่อนนะครับ แผลที่อยู่บนตัวพี่มันรอต่อไปไม่ไหวแล้วนะ!”
ญาธิดากำหมัดแน่น หัวใจร้อนผ่าว รอยแผลบนขาของเธอรอไม่ไหว แต่เณรศีลก็ทนรอไม่ไหวเช่นเดียวกัน ถ้าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นมา แล้วเธอจะรับผิดชอบอย่างไร
อีกอย่าง ข้อกล่าวหาที่ทำให้เจ้าอาวาสถึงแก่มรณภาพไปเรื่องหนึ่ง ก็กดดันจนเธอหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว ถ้าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับเณรศีลอีกครั้ง งั้นเธอก็ไร้ยางอายมากกว่าเดิม!
พยัคฆ์เห็นว่าเธอไม่ยอมพูดอยู่นาน พลันรีบพูดทันที “พี่ธิดาครับ ถ้าพี่ไม่ทำแผลให้เสร็จก่อน แล้วจะไปหาคนได้ยังไง? อีกอย่างหากคุณภวินท์รู้เข้า เขาต้องไม่เห็นด้วยแน่”
เมื่อสบตากับดวงตาอันแน่วแน่เป็นพิเศษคู่นั้นของเขา ญาธิดากลืนน้ำลายทันที และไม่ยอมพูดยอมจาออกมาสักคำ
ถึงแม้ว่าเธอจะกระหืดกระหอบไปด้วยความรู้สึกกระตือรือร้น เกรงว่าภวินท์ก็ไม่ปล่อยให้เธอไปแน่ เธอกัดฟันไว้แน่น พลันก้มหน้าชำเลืองมองบาดแผลที่ถูกพันแบบลวกๆ เพื่อตั้งสติให้มั่น
ท้ายที่สุดเธอก็ใช้วิธีการทำแผลที่เร็วที่สุด หลังจากให้พยัคฆ์ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว จากนั้นก็ออกคำสั่งให้คนขับรถรีบขับรถกลับไปทันที
เมื่อเดินทางมาถึงด้านหน้าประตูโรงงานปูนซีเมนต์แห่งนั้น ญาธิดายังไม่ทันลงจากรถ จึงเห็นบริเวณประตูมีรถจอดอยู่หลายคันผ่านกระจกรถ เมื่อเห็นพี่เข้มกำลังยืนคุยบางอย่างกับลูกน้องอยู่นอกรถ หัวใจญาธิดาบีบรัดแน่น และตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถทันที
ทันใดนั้น พลันมีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งที่อยู่ด้านข้างยื่นออกมา เพื่อคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ และฉุดเธอให้ถอยกลับมาอีกครั้ง พอญาธิดาหันหน้าไป ก็สบตาดวงตาดำขลับอันเคร่งขรึมล้ำลึกคู่นั้นของภวินท์ทันที
เธอย่นคิ้วอย่างไม่พอใจ “จะทำอะไร?”
เขาพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “คุณมีแผลที่ขา ไม่ต้องลงไปหรอก ผมจะเรียกพี่เข้มมาเองให้เขาแจ้งสถานการณ์กับคุณ”
“ไม่ต้อง ฉันเดินไปเองได้ค่ะ”
ญาธิดาพูดน้ำเสียงไม่ย่อท้อ พลันสะบัดมือจนหลุดจากมือของชายหนุ่มด้วยความแน่วแน่ พร้อมทั้งผลักประตูลงจากรถอย่างดื้อรั้น
พี่เข้มมองเห็นเธอ พลันเดินมาทางด้านหน้าอย่างทันควัน สีหน้าแสดงความลังเลมากขึ้น “ธิดา…”
“เป็นไงบ้างคะ? ยังหาไม่เจอใช่มั้ยคะ?”
พี่เข้มชะงักเล็กน้อย พลันก็ตอบกลับอย่างเป็นทางการ “น่าจะอยู่ในมือของพวกผู้ชายที่หนีเตลิดไป ทางเราได้ส่งคนตามไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไร ยังไงก็ต้องรอสักหน่อยครับ”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ก็แอบถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ไม่มีข่าวคราวถือว่าเป็นข่าวที่ดี
เวลานี้ พี่เข้มพูดอีกครั้ง “แต่ว่าภายในโรงงานปูนซีเมนต์มีเด็กอยู่จำนวนไม่น้อยทีเดียว ตอนนี้อยู่ด้านในทั้งหมด พวกเรายังคิดไม่ตกว่าจะจัดการอย่างไรดีครับ...”
ญาธิดาได้สติกลับมา พลันชำเลืองมองไปทางโรงงานปูนซีเมนต์อันเก่าคร่ำครึทางนั้น จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งเอ่ยปากสอบถาม “มั่นใจแล้วใช่มั้ยว่าเป็นการค้ามนุษย์และแก๊งลักพาตัวเด็ก?”
“เกือบ80-90เปอร์เซ็นต์ครับ เด็กที่อยู่ข้างในถ้าไม่ใช่เด็กกำพร้า ก็เป็นแบบพลัดพรากจากพ่อแม่ มีทุกช่วงอายุครับ เมื่อกี้นี้ผมได้พาคนเข้าไปทำสถิติมาแล้ว นี่คือรายชื่อทั้งหมดครับ”
พี่เข้มพูด พร้อมทั้งยื่นสมุดเล่มหนึ่งมาให้
ญาธิดายื่นมือออกมารับ พลันมองเห็นรายชื่อเด็กจำนวน 20กว่าคนที่เขียนติดยาวกันเป็นพืด จนหัวใจรัดแน่นอย่างกะทันหัน
ทุกชื่อ เขียนชื่อนามสกุลตามจริงอย่างสมบูรณ์ มีแค่คนเดียวที่เขียนแค่ชื่อเล่น ทางด้านหลังยังระบุอายุ อายุน้อยที่สุด 4 ขวบ มากที่สุด 13 ปี ช่างปนเปกันมาก
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณภวินท์พูดหรือยังคะว่าจะจัดการอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...