“พวกแกทำอะไร จะลักพาตัวเหรอ”
ญาธิดามองดูพวกเขาอย่างระแวงระวัง พยายามสลัดให้หลุด แต่ถูกผลักอย่างแรงจนล้มลงบนที่นั่งในรถไปทั้งตัว
จากนั้นประตูรถก็ปิดลงเสียงดัง “ปัง!” เธอไม่ทันที่เธอจะได้รู้ตัว ประตูรถอีกฝั่งก็ถูกดึงเปิดออกแล้ว ภูผานั่งข้างเธอโดยไม่พูดอะไรเลย เพยิดคางส่งสัญญาณสั่งคนขับให้ล็อคประตู
หัวใจของญาธิดาพลุ่งพล่านดั่งไฟแผดเผา เธอเลื่อนสายตาขึ้นมองภูผาและถามอย่างโกรธจัด “นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
ภูผาไม่ตอบ มองเธออย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ญาธิดา อย่ามาใส่อารมณ์กับผมมากนัก! ตอนนี้คุณอยู่ในรถของผม ถ้าผมทำอะไรกับคุณ ยังจะมีใครสามารถช่วยคุณได้”
เมื่อได้ยินการข่มขู่ในน้ำเสียงของเขา ญาธิดาร่างกายเย็นลงฉับพลัน เธอจ้องชายตรงหน้าเขม็ง แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกและมืดมนสุดขั้วหัวใจ
ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป เขาเป็นเสือหน้ายิ้ม แต่กลับมีวิธีการที่แสนโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้เพียงชั่วพริบตา
เธอค่อยๆ กำชายเสื้อแน่น หันมองออกไปนอกหน้าต่าง แสร้งทำเป็นสงบและพูดเน้นทีละคำ “ทัตไปเรียกคนมาแล้ว ถ้าเขารู้ว่าฉันหายไป ต้องแจ้งตำรวจแน่ ภูผา หากนายกล้าทำอะไรฉัน นายคิดว่านายสามารถช่วยตัวเองได้เหรอ”
ตอนแรกเธอคิดว่าคำพูดของเธออาจทำให้ภูผารู้สึกกลัวบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามองมาที่เธอด้วยสีหน้าขบขัน และหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าโดยรอบไม่มีใคร ญาธิดาขมวดคิ้วมองเขา ราวกับกำลังมองคนประหลาดที่มีความผิดปกติทางจิต
เสียงหัวเราะของภูผาค่อยๆ หมดลง เขามองญาธิดา ดวงตาของเขาลึกล้ำเกินหยั่งและหาความหมายไม่ได้ เขาส่ายหน้ากับตัวเองและพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เห็นคุณไร้เดียงสาขนาดนี้ ผมทนไม่ไหวอยากจะบอกความจริงกับคุณแล้ว ดูเหมือนว่าภวินท์กับธีทัตจะปกป้องคุณดีมากนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงโทนแปลกๆ ของเขา ญาธิดาพลันรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอขมวดคิ้วจ้องและถามว่า “นายหมายถึงอะไร”
ภูผาพูดด้วยรอยยิ้ม “หมายถึงอะไรน่ะเหรอ แค่สงสัยว่าผู้ชายทุกคนล้วนชอบผู้หญิงที่โง่แบบคุณหรือเปล่า”
ญาธิดากำหมัดแน่นมองชายตรงหน้าเธอ เธออยากจะเหวี่ยงหมัดออกไปชกเขาสักสองสามที เธอหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธและพูดว่า “ภูผา ฉันไม่มีเวลามาเล่นใบ้คำกับนายนะ ถ้านายไม่พูดก็ปล่อยฉันลง ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!”
พูดอย่างนั้นแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดหน้าจอแล้วเตรียมโทรแจ้งตำรวจ
ภูผาสีหน้าเย็นชาลงฉับพลัน ชิงพูดก่อนที่เธอจะกดปุ่มโทรออก “เห็นคนทรยศเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด คุณนี่มันช่างน่าขำจริงๆ”
มือของญาธิดานิ่งไปกะทันหัน เลื่อนสายตาขึ้นมองภูผาโดยไม่มีคำพูด
ภูผาส่งเสียงเยาะ “คุณบอกว่าธีทัตไปเรียกคนมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้เขายังไม่ปรากฏตัวอีกล่ะ”
ประโยคนี้เหมือนอ่างน้ำเย็นสาดรดศีรษะญาธิดา ทำให้เธอตื่นขึ้นในทันที และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
ถ้าพูดกันตามหลัก เวลานี้ธีทัตน่าจะพาคนมาได้แล้ว แต่ทางประตูยังว่างเปล่า แม้แต่เงาของเขาแค่ครึ่งหนึ่งก็ยังมองไม่เห็น
หัวใจของญาธิดาทรุดลงอย่างรุนแรง เจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก เธอสูดหายใจเข้าลึก กำลังจะแก้ตัวให้ธีทัต แต่ภูผาที่อยู่ข้างๆ กลับชิงพูดก่อนแล้ว
“ให้ผมตอบนะ ที่เขาไม่มาไม่ใช่เพราะเขาประสบปัญหาอื่น แต่เพราะเขาไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเราได้”
ญาธิดายังไม่ทันได้อ้าปากถาม เขาก็หัวเราะเยาะออกมาเสียก่อน “คนที่คุณรู้จักดี ทำหลายอย่างที่คุณไม่เคยรู้มากมาย ความรู้สึกแบบนี้ น่ากลัวไหม”
ญาธิดาดวงตาขุ่นมัว พูดน้ำเสียงเย็นชา “นาย...อย่ามาพยายามจะยุให้เราแตกกันนะ!”
แม้ว่าการพูดจะแน่วแน่ แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังมีอาการสั่นอยู่เล็กน้อย เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มีลางสังหรณ์ที่ไม่สบายใจแบบนี้อยู่รอบตัวเสมอ
ภูผามองสีหน้าของเธอแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ครั้งนี้ที่จู่ๆ เกล้าแก้วมีเลือดออกมาก คุณคิดว่าผมทำมันได้ยังไง ถ้าไม่มีคนในร่วมมือกับผม เกรงว่าผมก็คงทำไม่ได้หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...