หลังจากเดินออกจากโรงแรม ญาธิดาก็เหลือบมองเวลา ก่อนจะเก็บความกังวลทั้งหมดของเธอไว้ก่อน แล้วกวักมือเรียกรถแท็กซี่ พร้อมกับบอกที่อยู่ของแกรนด์ บูเลอวาร์ดให้กับคนขับรถ
งานที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ ก็คือต้องรีบไป แล้วจัดการเรื่องต่างๆ ทางนั้นให้เรียบร้อย ที่สำคัญกว่านั้น คือคุยเรื่องหย่ากับธีทัต
ตอนนี้ เธอตัดสินใจดีแล้ว และเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าตลอดหลายปีมานี้เหตุผลที่เธอไม่สามารถยอมรับเขาเป็นเพราะในใจของเธอไม่เคยคิดว่าเขาเป็นอนาคตของเธอ
คนบางคน ถ้าไม่เหมาะสม ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกัดริมฝีปาก เธอค่อยๆ ได้สติกลับมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความให้ธีทัต “ฉันกำลังกลับไปที่บ้าน พวกเรามาคุยกันเถอะค่ะ”
ในตอนนี้ เรื่องราวมาจนถึงขนาดนี้แล้ว รวมถึงหัวใจของเธอด้วย ที่ตอนนี้มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานเธอก็มาถึงหน้าบ้าน เธอเพิ่งเดินมาถึงประตู พอคนรับใช้เห็นเธอ ก็รีบเดินออกมาต้อนรับอย่างดีใจ “คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกยิ้มให้เธอ แล้วพูดเบาๆ “จากนี้ไป ฉันจะไม่ใช่คุณผู้หญิงของที่นี่อีกแล้ว เรียกฉันว่าธิดาก็พอค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคนรับใช้ก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปทันที เธอขยับริมฝีปาก เหมือนตั้งใจจะเกลี้ยกล่อม แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้
ในขณะนี้เอง ญาธิดาก็หันกลับมามองเธอแล้วถามว่า “คุณธีทัตอยู่ที่นี่ไหมคะ?”
คนรับใช้ตอบตามความจริง “คุณผู้ชายไม่อยู่ค่ะ”
ญาธิดาพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน กลับไปที่ห้องนอนของเธอ แล้วยืนมองสภาพที่คุ้นเคย หัวใจไหวหวั่นอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วปรับอารมณ์ของเธอให้สงบ ก่อนจะเริ่มเก็บของในห้องทันที หลังจากขนของอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็เก็บเสื้อผ้าของอีธานกับเอลล่าไว้ในกระเป๋าเสร็จ แล้วเอาไปวางไว้ด้านข้าง
เธอวางกระเป๋าที่จัดไว้ด้วยกัน และในเวลานั้นเอง เธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาข้างหลัง เธอจึงหันกลับไปมองทันที
พอเธอเห็นร่างของชายหนุ่มที่ปรากฏขึ้นตรงประตู เธอก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย
ธีทัตยืนพิงกรอบประตู แล้วมองดูเธอนิ่ง
สีหน้าของญาธิดาดูแปลกๆ พอมองข้ามเขาไป ไม่นานก็มองผ่านไป เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “เราไปทำเรื่องหย่ากันเถอะค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของธีทัตก็เปลี่ยนไปทันที เขาก้าวไปข้างหน้า และถามเสียงทุ้มต่ำ “คุณต้องทำแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม”
ญาธิดาขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่หนักแน่น “ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยยิ่งเร็วยิ่งดี มันดีสำหรับพวกเราทุกคน”
เธอพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองธีทัต แล้วสบตากับเขา แววตาของเธอมั่นคง และไม่หลบหนี
เหมือนถูกคำพูดของเธอทิ่มแทงหัวใจ สีหน้าของธีทัตแย่มาก คิ้วของเขากดลงต่ำ สีหน้าเคร่งขรึม
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที...
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ บรรยากาศห้องที่เงียบงันน่าอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ธีทัตก็พูดขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ญาธิดา ก่อนจะถามว่า “เป็นเพราะภวินท์หรือเปล่า?”
ญาธิดาขมวดคิ้วและรีบปฏิเสธ “ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”
ธีทัตสูดหายใจเข้าลึก และเหมือนจะพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ “มาจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องโกหกผม ญาธิดา ผมแค่อยากจะได้ยินความจริงจากปากคุณ”
ร่างกายของญาธิดาเย็นยะเยือก พอมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาดูแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ญาธิดาร่างกายสั่นเทา “ฉันพูดจริงค่ะ ที่ฉันหย่ากับคุณ เพราะคุณโกหกฉัน ปิดบังฉัน อีกทั้งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่สนใจว่าถูกหรือผิด นี่คือสิ่งที่ฉันทนรับไม่ได้ที่สุด แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ!”
สีหน้าของธีทัตเคร่งขรึม เขานิ่งเงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันไปมองเธอแล้วพูดว่า “เมื่อวาน มีคนเห็นคุณกับภวินท์เข้าไปในโรงแรมด้วยกัน”
หัวใจของญาธิดาสั่นเทาอย่างรุนแรง และเข้าใจความหมายของคำพูดเขาในทันที เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด และคิดว่าที่เธออยากจะหย่ากับเขาเพราะภวินท์!
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นยังไง มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะภวินท์ที่ช่วยเธอไว้ เธอกลัวว่าเธอกับลูกคงจะไม่มีที่พักในตอนนี้! แต่ธีทัตกลับคิดไปในทางที่สกปรกแบบนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...