น้ำเสียงรู้สึกผิดของนิธิศดังขึ้นจากปลายสาย “ธิดาครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ ผมเคยบอกต้นกล้าแล้วว่าอย่าไปรบกวนชีวิตของคุณ แต่เด็กนี้มัน......”
“ไม่เป็นไรค่ะ ต้นกล้าแกเป็นแค่เด็ก ฉันเข้าใจได้” พอนึกถึงต้นกล้า ญาธิดาก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ธิดาครับ ผมต้องขอโทษเรื่องงานเลี้ยงแวดวงการเมืองครั้งที่แล้วด้วยนะครับ ถ้าผมรู้ว่าคุณภวินท์จะมาร่วมงานด้วย ผมคงจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ”
ญาธิดารีบตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องครั้งที่แล้วเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ คุณไม่ต้องนำมาใส่ใจก็ได้ค่ะ”
ก่อนที่ทั้งสองจะคุยกันต่อ เสียงร้องไห้ของต้นกล้าก็ดังขึ้นทันที น้ำเสียงเต็ฒไปด้วยความน่าสงสาร “ทานข้าว......กับคุณแม่......”
“ต้นกล้าเป็นเด็กดีนะ คุณพ่อทานข้าวเป็นเพื่อนดีไหมครับ?” นิธิศทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงต่ำ แต่ผลก็ดูจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เสียงร้องไห้ของต้นกล้าดังขึ้นเรื่อยๆ
ญาธิดาเพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ แล้วถามผ่านโทรศัพท์เสียงเบาว่า “ต้นกล้าอยากทานข้าวกับฉันเหรอคะ?”
“ครับ” นิธิศตอบด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจเล็กน้อย “หลังจากที่คุณออกจากบ้านครั้งก่อน ต้นกล้าก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดเลยครับ ผมกลัวว่าแกจะไปรบกวนคุณ ก็เลยเกลี้ยกล่อมแกมาโดยตลอด ไม่คิดว่าจะทำให้คุณลำบากมากกว่าเดิม”
เสียงร้องไห้ของต้นกล้าดังขึ้นข้างหูเป็นระยะ ญาธิดาใจอ่อนลงเพราะเสียงที่น่าสงสารนี้ ครุ่นคิดอยู่สักพัก “ฉันตกลงเรื่องทานข้าวกับต้นกล้าที่ร้านอาหารนอกบ้านค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ธิดา เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” นิธิศกล่าวปฏิเสธ แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
ญาธิดาได้ยินเช่นนั้นก็หลุบตาต่ำ น้ำเสียงมั่นใจกว่าเดิม “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะคะ เดี๋ยวฉันจะส่งโลเคชั่นร้านอาหารให้คุณ ฉันจะรีบไปอย่างเร็วที่สุดค่ะ”
นิธิศถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งอก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดีใจที่ไม่สามารถปิดบังได้ “ไม่รู้ว่าต้องขอบคุณยังไงเลยนะครับ”
หลังจากที่กดวางสาย เขาก็รีบโผเข้ากอดต้นกล้า รอยยิ้มบนหน้าของเขาแอบทำให้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ต้นกล้าทำดีมากครับ มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้คุณแม่อยู่กับลูกไปตลอด เข้าใจไหม?”
ต้นกล้าพยักหน้าด้วยสีหน้าที่งุนงง มือเล็กๆ ของเขานวดแขนที่ถูกพ่อตัวเองหยิกจนแดงอย่างไม่รู้ตัว
เพียงไม่นานญาธิดาก็ได้รับข้อความโลเคชั่นที่นิธิศส่งมา เธอเดินมาถึงหน้าประตูแล้วหยุดลงครุ่นคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็ชวนอีธานและเอลล่ามาด้วย แม่ลูกทั้งสามตรงดิ่งไปยังจุดหมายปลายทาง
ภายในร้านอาหารที่สว่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเปิดเพลงคลอเสียงเบา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ยิ่งทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นดูคลุมเครือมากกว่าเดิม
ไม่ว่าจะมองยังไง ที่นี่ก็ดูเหมือนที่เดทกันของหนุ่มสาว มากกว่าร้านอาหารสำหรับครอบครัว
พอเห็นญาธิดาผลักประตูแล้วเดินเข้ามา ดวงของเขาสว่างขึ้น แต่ตามมาด้วยอีธานและเอลล่าที่รีบวิ่งมาทางต้นกล้า ความสว่างในดวงตาของเขาก็ดับลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
ที่เขาพาต้นกล้ามาด้วยนั้นเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ค่อยยังชั่วที่ต้นกล้ายังไม่รู้เรื่องอะไร จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ตอนนี้ดันมีเด็กเพิ่มมาอีกสองคน แล้วยังเป็นลูกของภวินท์อีก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ญาธิดาก้าวเดินมาถึงโต๊ะอย่างสง่า เธอมองโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ รอยยิ้มบางๆ เผยขึ้นบนหน้าของเธอ
นิธิศมองสีหน้าของเธอถึงจะรู้ตัวในทันที ก่อนจะโบกมือเรียกพนักงานอย่างอ่อนโยน “ที่นั่งที่จองก่อนหน้านี้นั่งไม่พอ รบกวนคุณช่วยย้ายให้หน่อยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...