ห้องรับแขกในบ้านพักที่เคยสว่างไสว วันนี้กลับเงียบและมืดผิดปกติ ห้องรับแขกนั้นเงียบจนถ้ามีเข็มตกลงพื้นก็คงจะได้ยินอย่างชัดเจน เห็นเพียงแต่แสงระยิบระยับจากเทียนที่วางอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร
ญาธิดากับภวินท์เดินจับมือกันเดินลงมาชั้นล่าง เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงที่ถูกกดให้ต่ำลงเต็มไปด้วยความประหม่า “หรือว่ามีคนเข้ามาในบ้าน?”
เรื่องครั้งก่อนที่สิงโตและชยินบุกเข้ามาในบ้านพักยังคงฝังใจเธออยู่
ภวินท์บีบมือเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ แล้วพูดติดตลกเบาๆ “คุณคิดว่าพวกมันจะใจดีถึงขั้นเตรียมดินเนอร์ให้เราเหรอ?”
อาจจะเพราะผู้ชายข้างๆ เธอที่มอบความกล้าหาญให้กับเธอ หรืออาจจะเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำและดึงดูดของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ยังไงก็ตามญาธิดารู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ความตึงเครียดในตอนแรกค่อยๆ คลายลง เพียงสองก้าวก็เดินมาถึงโต๊ะอาหาร
นอกจากอาหารน่าอร่อยที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ยังมีการ์ดสีชมพูอ่อนอีกหนึ่งใบ ตัวหนังสือบนการ์ดบิดเบี้ยว ดูแล้วค่อนข้างน่ารัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนเขียน
“คุณพ่อคุณแม่ครับ พวกเราไปพักผ่อนก่อนนะครับ นี่คือดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เตรียมไว้ให้ครับ รักนะครับ” พร้อมกับอิโมจิที่น่ารักต่อท้าย
ญาธิดาหัวเราะลั่น ก่อนจะใส่การ์ดเข้าในอกของภวินท์ ก่อนจะกวาดตามองอาหารบนโต๊ะถึงสังเกตเห็นว่า อาหารคืนนี้เป็นอาหารที่ปกติเธอชอบทาน
ดอกทานตะวันที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งไม่ค่อยเข้ากับของที่วางอยู่ยนโต๊ะสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นการจัดวางตามความชอบของเธอทั้งหมด
“เจ้าเด็กสองคนนี้เล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้ว” น้ำเสียงที่เธอวิจารณ์นั้นกลับเต็มไปด้วยความดีใจ
ท่าทางของภวินท์นั้นสง่าและเป็นสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก เขาลากเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังออกให้เธอก่อน จากนั้นก็ผายมือไปที่เก้าอี้เป็นการ “เชิญ” เธอยิ้มก่อนนั่งลง ก่อนที่กลิ่นหอมหวานของแชมเปญจะลอยมาแตะจมูกของเธอ
“ภวินท์ ดุจากทรงแล้วคุณคงรู้แผนของอีธานและเอลล่าก่อนแล้วใช่ไหม แล้วปิดบังฉันอยู่คนเดียว” เธอแสร้งทำเป็นไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
ภวินท์ชนแก้วกับเธอเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แยแสอย่างช่วยไม่ได้เล็กน้อย “ถ้าผมรู้ก่อน ก็คงไม่นั่งอยู่ในห้องทำงานนานขนาดนั้นแล้ว”
“ก็จริง” เธอจิ๊ปาก “เห็นว่าลูกทั้งสองเชื่อฟังหรอกนะ จะไม่ถือสาที่พวกเขาปิดบังก็แล้วกัน......” รอยยิ้มที่สดใสปรากฏบนใบหน้าอันบอบบางของเธอ
หลังจากที่ดื่มไปได้ไม่กี่แก้ว ใบหน้าของญาธิดาก็เริ่มเมา หัวของเธอเริ่มหมุนเริ่มเบลอไม่ได้สติ แม้แต่ลิ้นก็เริ่มจะพันกัน
เธอมองไปยังภวินท์ด้วยสายตาที่ขุ่นมัว และพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมถึงมีภวินท์สองคนกันนะ ozoneสอนวิธีแยกร่างให้คุณด้วยเหรอ?”
ดวงตาของภวินท์เต็มไปด้วยความนุ่มนวล มองท่าทางที่เซไปมาของเธอ แล้วตอบก่อนจะเงียบลง “คุณเมาแล้ว”
น้ำเสียงของเขามีความเอ็นดูที่ไม่อาจรู้สึกได้ แม้แต่ตัวเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ญาธิดาชูนิ้วออกมาก่อนจะส่ายไปมา ก่อนจะตอบกลับมาอย่างไม่ชัดเจนว่า “คุณพูดมั่ว ตอนนี้ฉันดื่มเก่งแล้ว”
ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น หัวของเธอก็ล้มลงบนโต๊ะอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ภวินท์รีบเดินไปตรงหน้าเธอก่อนจะอุ้มเธอขึ้นในแนวนอน กลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวกับกลิ่นหอมหวานของแชมเปญกระจายไปทั่วจมูกของเขา เลือดในร่างกายของเขาไหลเวียนอย่างรวดเร็ว แม้แต่ลมหายใจของเขาก็หนักขึ้นเช่นกัน
หญิงสาวในอ้อมกอดแทบจะไม่รุ้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ข้างๆ หู มุมปากของเธอก็ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ อดไม่ได้ที่จะถูหน้าเข้ากับหน้าอกอันแข็งแกร่งของเขา “ภวินท์ ตัวคุณหอมมากเลย”
ภวินท์ตอบรับเสียงเบา รู้สึกถึงเพียงเลือดในร่างกายที่เริ่มไหลไปสะสมในที่ใดที่หนึ่ง ม่านตาของเขาหดตัวลงอย่างกะทันหัน เดินขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ก้าวก็โยนเธอลงบนเตียงในห้องนอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...