ญาธิดาได้ยินเสียงกริ่งประตูนึกว่าอีธานกลับมาเอาของที่ลืมไว้ และพอดีเธอมีเรื่องงานที่ต้องปรึกษากับอีธานถึงได้เดินตามเสียงกริ่งออกมา
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูจะได้ยินป้าจันทร์เรียกออกมาว่า “คุณผู้ชาย”
หัวใจของเธอกระตุกเต้น “ตึกตัก” จู่ ๆ ก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ คิดไม่ถึงว่าเมื่อเดินออกมาจากประตูทางเข้าจะดันได้เจอกับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดอย่าง——ภวินท์
“คุณมาที่นี่ทำไม” เธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ภวินท์ไม่สนใจท่าทีของเธอ แต่กลับชี้ไปที่ของขวัญที่วางอยู่ข้าง ๆ เท้าของเขาและเอ่ยถามอย่างอดทนอดกลั้นว่า “ไม่คิดจะเชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ? นี่เป็นวิธีการต้อนรับแขกของพวกคุณหรือไง”
“ใช่!” เธอกัดฟันตอบ “บ้านของเราไม่ต้อนรับคุณ คุณกับของของคุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
เธอพูดพลางเอื้อมมือไปผลักไหล่ของภวินท์ ท่าทางราวกับเม่นที่กำลังชันขนแหลมคม แม้แต่น้ำเสียงและท่าทางก็เต็มไปด้วยความก้าวร้าว
เมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะปิด จู่ๆ ภวินท์ก็เอื้อมมือออกไปขวางประตูไว้ เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ญาธิดาปิดประตู เพียงแต่เอามือไปวางไว้ในตำแหน่งที่จะถูกหนีบได้ง่าย ๆ ก็เท่านั้น
ประตูไม้เนื้อแข็งค่อย ๆ ปิดลงหนีบนิ้วมือเรียวสวยของเขาไว้ตรงกลางประตู แต่ก็แค่แตะเบา ๆ เท่านั้น แบบที่ว่าแทบไม่ได้สร้างบาดแผลหรือความเจ็บปวดอะไรให้เขาเลย
มือของทั้งคู่วางอยู่บนประตูเช่นเดียวกันและเอาแต่ยืนนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น
ญาธิดาขมวดคิ้วแน่นมองเข้าไปในดวงตาสงบเยือกเย็นของเขาและเป็นฝ่ายยอมแพ้ในที่สุด
เธอแอบด่าตัวเองว่าไม่ได้เรื่องอยู่ในใจ แค่เห็นใบหน้าคุ้นเคยนี้ของเขาเธอก็ไม่สามารถใจร้ายหนีบนิ้วมือของเขาได้ลง
“ภวินท์ คุณต้องการอะไรกันแน่?!” ญาธิดาเปล่งเสียงขึ้นอย่างโกรธจัด
เธอพูดยังไม่ทันจบเมื่อภวินท์เห็นว่าสบโอกาสเขาก็รีบผลักประตูแล้วเดินเฉียดไหล่เธอเข้าไปในห้องรับแขกอย่างสง่าผ่าเผย แล้วนั่งลงด้วยท่าทีสง่างาม
“ผมกลับไปคิดถึงเรื่องที่คุณพูดมาแล้ว การที่ผมนัดพบเอลล่าตามลำพังแบบนั้นมันกะทันหันเกินไปจริง ๆ” เสียงทุ้มลึกของเขาดังไปทั่วห้องรับแขกและมันดูค่อนข้างจะกะทันหันเกินไป
ด้านเอลล่าที่ถูกเอ่ยถึงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟามองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างเงียบ ๆ
ญาธิดาเหลือบมองของขวัญที่กองอยู่ตรงหน้าประตูและเข้าใจทุกอย่างทันที “ถ้าจะขอโทษคงไม่จำเป็นหรอก และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับไปได้แล้วค่ะก่อนที่จะเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาอีก”
"ขอโทษ?"
ภวินท์มองเธอยิ้ม ๆ ขาทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้วยกัน แล้วพูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ผมไม่ได้มาขอโทษ แค่มาเพื่อแสดงความจริงใจ”
ขณะที่พูดเขาก็วางเอกสารที่เตรียมไว้วางลงบนโต๊ะ “งานของผมคือการหาตัวแทนโฆษณาที่เหมาะสมให้กับบริษัท และสัญญาฉบับนี้คือความจริงใจของผม”
สายตาของญาธิดาจับจ้องไปที่เอกสารก่อนที่ลางสังหรณ์ไม่ดีจะผุดขึ้นมาในใจ สัญชาตญาณบอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา!
ถ้าเธอเซ็นชื่อในสัญญาฉบับนี้ก็เท่ากับเป็นการส่งตัวเอลล่าไปอยู่ในมือของศัตรู เป็นการส่งจุดอ่อนที่สามารถใช้ข่มขู่เธอได้ให้กับอาริโอ
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวังจับจ้องไปที่ภวินท์ ก่อนจะพูดตอบเขาทีละคำว่า “ฉันไม่ใช่ผู้จัดการของเอลล่า ไม่มีสิทธิ์เซ็นสัญญาใด ๆ ทั้งนั้น และฉันไม่มีทางยินยอมให้เอลล่าไปเป็นตัวแทนโฆษณาให้พวกคุณแน่นอน คุณตัดใจแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...