เพิ่งจะเดินไปข้างหน้าได้แค่ไม่กี่ก้าวจู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างแปลก ๆ ขณะที่เธอชะงักฝีเท้าก็เหลือบมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะสบสายตาเข้ากับสายตาของคนตรงข้าม
นัยน์ตากลมโตของเอลล่าเต็มไปด้วยความหมายมากมายและกำลังจ้องมองท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ของเธอด้วยความสงสัย “แม่คะ ทำไมแม่ถึงออกมาจากห้องของคุณลุงล่ะคะ?”
ญาธิดาพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบยังไง ตอนนี้เธอแทบอยากจะมุดแทรกไปตามพื้น เรื่องนี้ไม่ว่าถูกใครรู้เข้าก็ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น แถมทำไมต้องเป็นเอลล่าด้วยเนี่ย
แถมเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งจะกำชับลูกสาวของเธอว่าอย่าเข้าใกล้ภวินท์คนที่มีแผนการชั่วร้ายคนนี้เด็ดขาด แต่มาวันนี้ดันมาถูกเอลล่าจับได้แบบนี้ แล้วต่อไปจะวางท่าต่อหน้าเอลล่ายังไงล่ะเนี่ย
ญาธิดามัวแต่ครุ่นคิดอยู่คนเดียว กระทั่งภวินท์ออกมายืนแทรกระหว่างพวกเธอสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ตัว
“เพราะว่าเมื่อคืนคุณแม่คงจะเหนื่อยมากเกินไป ก็เลยนอนพักในห้องรับรองแขก ส่วนลุงนอนบนโซฟาข้างนอก”
ภวินท์ลูบหัวของเอลล่าอย่างสนิทสนม พลางอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น คนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กสองคนยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้ให้ความรู้สึกเหมือนคุณพ่อแสนอบอุ่นกับลูกสาวผู้ว่านอนสอนง่าย
แต่ในเวลานี้ใบหน้าของญาธิดาร้อนผ่าวและไม่มีกระจิตกระใจมาชื่นชมภาพตรงหน้า คิดแต่อยากจะไล่ภวินท์ออกไปจากบ้าน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาเน้นย้ำคำว่า “เหนื่อยเกินไป” สามคำนี้ออกมา
“อ๋อ...” เอลล่าไม่สงสัยอะไรในตัวเขาและพยักหน้าตามอย่างเชื่อฟัง “เดี๋ยวคืนนี้หนูให้ป้าจันทร์ช่วยจัดห้องนอนให้อีกหนึ่งห้องนะคะ เอาแต่นอนโซฟามันไม่ดีต่อกระดูกสันหลัง”
เมื่อญาธิดาได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเธอก็ทั้งโกรธทั้งเขินอายมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังแอบบ่นเอลล่าในใจว่าเอาแต่คอยช่วยคนนอกไม่สนใจคนในครอบครัวบ้างเลย
ทั้งสองคนไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธอเลย เอลล่าจูงมือของภวินท์เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร วันนี้ป้าจันทร์ตั้งใจทำอาหารที่เมื่อก่อนเขาชื่นชอบมาให้เป็นพิเศษ
อาหารมื้อนี้ภวินท์ทานอย่างเต็มอิ่ม ใบหน้าของเอลล่าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
เธอทำหน้าภาคภูมิใจเหมือนกำลังขอรางวัลจากเขา “อาหารเช้าวันนี้หนูให้ป้าจันทร์จัดเตรียมเป็นพิเศษเลย ทั้งหมดนี้เป็นอาหารที่เมื่อก่อนคุณพ่อชอบทานทั้งนั้นเลย”
“รสนิยมของพ่อหนูเหมือนฉันมากเลย...” ภวินท์เสียงแผ่วคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เอลล่าพยักหน้าเห็นด้วย “บางทีคุณลุงอาจจะเป็นพ่อของหนูก็ได้”
ญาธิดาที่เดินเข้าห้องอาหารบังเอิญได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีทำเอาอารมณ์ที่เพิ่งจะสงบลงเดือดปุด ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะดุเอลล่าอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เอลล่าอย่าพูดอะไรเหลวไหล คุณลุงเขามีแฟนแล้ว”
ตอนนี้เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับนพเก้า นี่เป็นความจริงที่โต้แย้งไม่ได้
เมื่อเอลล่าได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เบ้ปากและหยุดพูด บนใบหน้าเยาว์วัยเผยสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้ญาธิดายิ่งอึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิม
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว...
ญาธิดาขมวดคิ้วแน่นและไม่ได้พูดอะไรอีก ความหม่นหมองในแววตาของเธอยังคงไม่จางหายไปไหน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จภวินท์ก็จูงมือเอลล่าเดินจากไปอย่างสนิทสนม ยิ่งเธอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สบายใจ ได้แต่เฝ้าจับตาดูทั้งสองคนอย่างไม่คลาดสายตา
เมื่อภวินท์เห็นแบบนั้นก็ได้แต่กระตุกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเล็กน้อย “นี่คุณกลัวว่าผมจะขโมยตัวลูกในที่สาธารณะแบบนี้เหรอ?”
ญาธิดากลอกตาขาวใส่เขาอย่างอดไม่ได้ “ฉันกลัวว่าคุณจะลักพาตัวลูกของฉันไปอย่างโจ่งแจ้ง”
“ถ้าอย่างงั้นก็จับตาดูไว้ให้ดีล่ะ...”
หลังจากภวินท์พูดจบ เขาก็อุ้มเอลล่าเดินตรงไปทางห้องของเล่นเด็ก เมื่อคืนเขาสัญญากับเอลล่าไว้ว่าจะสอนวิชาวัฒนธรรมให้เธอ ด้านญาธิดาก็รีบเดินตามไปด้วยเช่นกัน
ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะคิกคักของเอลล่าดังออกมาจากข้างในห้อง ทำเอาญาธิดาต้องตะโกนร้องออกมาด้วยความโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...