เพราะตกใจอยู่ เธอก็พูดเสียงดังโดยไม่รู้ตัว เสียงท้ายๆก็ยังแหลมและอ่อนอีก เป็นเสียงคลุมเครือบอกไม่ถูก
ทั้งสองชะงัก ในขณะที่สบตากันนั้น บรรยากาศก็น่าอึดอัดอย่างมาก
ภวินท์มองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา แล้วพูดว่า “เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ?”
ว่าแล้ว เขาก็ยกมือขึ้น เอาขาของญาธิดาวางไว้ที่ตักตัวเอง จากนั้นก็เปิดลิ้นชักที่โต๊ะชาของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน แล้วเอาสเปรย์แก้อาการฟกช้ำออกมา
ญาธิดาใบหน้าแดงก่ำ เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเธอซะอีก…
ภวินท์เปิดฝาออกช้าๆ ฉีดพ่นไปยังเข่าที่บวมแดงของญาธิดา
เสียง ‘ซึ๊ด——’ ดังขึ้น มีสเปรย์เย็นๆพ่นออกมา ญาธิดารู้สึกถึงเข่าที่เย็นเฉียบ ขาก็หดกลับอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าเจ็บจนยู่ยี่ไปหมด
แม้จะไม่มีแผลถลอก แต่พอมีฉีดยาลงไป ก็ยังรู้สึกเจ็บมากอยู่ดี
ภวินท์กวาดตามองญาธิดา หยิบคัตเตอร์บัตออกมาเช็ดยาที่ไหลลงมา แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “สมน้ำหน้า”
ทั้งที่ส่งยาไปให้เธอแล้ว เธอไม่ทำแผลเอง สมน้ำหน้าที่เธอจะเจ็บ
ญาธิดาอึ้ง แล้วพูดว่า “นาย…ว่าไงนะ?”
เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม
ภวินท์ไม่สนใจ หยิบสเปรย์ขึ้นมาฉีดอีกสองที จากนั้นถึงปล่อยขาเธอออก
เขาเก็บของและพูดไปด้วยว่า “เสร็จแล้ว ช่วงนี้อย่าเพิ่งโดนน้ำนะ แล้วก็อย่าลืมทายาด้วย”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น เห็นนัยน์ตาที่สวยงามของชายหนุ่มพอดี จมูกโด่งสันคมดั่งมีด เม้มปากเป็นเส้นยาว เย็นชาจนทำให้คนที่เห็นแล้วก็อดไม่ได้เย็นยะเยือกไปด้วย
ถ้าตอนนี้ภวินท์ใส่เสื้อกาวน์ จะต้องเป็นคุณหมอที่สะดุดตามากแน่นอน
ในสมองรีบทิ้งความคิดนี้ไป ญาธิดาแก้มแดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างๆไม่พูดอะไรสักที ภวินท์ก็หันหน้าไป ก็สบตากับหญิงสาวพอดี จนอดไม่ได้ขมวดคิ้ว
“อย่าคิดลึก” เขาลุกขึ้นอย่างสง่างาม แล้วหรี่ตามองเธออย่างเย็นชา “ครั้งนี้ฉันทำเพื่อแลกกับครั้งก่อนที่เธอทายาให้ฉัน ไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเถอะ”
ว่าแล้ว เขาก็เดินไปนั่งที่นั่งตัวเอง แล้วเปิดอ่านเอกสารต่อไป
ญาธิดารู้สึกตัวขึ้นมา แก้มสองข้างเธอร้อนผ่าว เหมือนถูกจับได้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดประชดว่า “ใครคิดลึกกัน”
ว่าแล้ว เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
เพิ่งถึงหน้าประตู ผู้ชายด้านหลังก็พูดเสียงแข็งว่า “หยุดก่อน”
ญาธิดาหันหน้ากลับไป ก็เห็นเขาโยนบันทึกการประชุมไว้ข้างโต๊ะ “เอากลับไป เขียนใหม่แล้วส่งมาให้ฉัน”
เธออึ้ง บันทึกการประชุมครั้งนี้ เธอคิดว่าตัวเองทำดีแล้วเสียอีก แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ให้ผ่าน
ในใจรู้สึกเคืองอย่างแรง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงหยิบบันทึกการประชุมแล้วรีบหนีออกจากห้องนี้
เธอไม่คิดเลยว่าภวินท์จะเอาเรื่องงานมาแก้แค้นตัวเอง เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วย
ช่างเถอะ ยังดีที่หย่ากับเขาแล้ว ไม่งั้นเธอไม่อยากจะคิดเลยว่าต่อไปจะเผชิญหน้ากับคนหน้าเย็นชาแข็งทื่อที่เรื่องมากอย่างเขายังไง
กลับมาถึงห้องทำงาน เธอก็ยุ่งอยู่ทั้งวัน เวลาผ่านไปเร็วมากอย่างไม่รู้ตัว รอญาธิดาทำงานในมือเสร็จแล้ว ก็ใกล้เวลาเลิกงานเต็มที
โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้นกะทันหัน ญาธิดาหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นเป็นเบอร์แปลกหน้า เธอกดรีบอย่างลังเล
“ธิดา!” ข้างหูมีเสียงสดใสร่าเริงของอัญมณีดังขึ้น ดังจนแก้วหูญาธิดาแสบไปหมด จนต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“พวกเราจะได้เจอกันแล้วนะ! อีกสองวันฉันก็จะกลับเมือง J แล้ว!”
ได้ยินเสียงทางปลายสาย ญาธิดาก็รู้ว่าอัญมณีอารมณ์ดีทีเดียว เธอก็อดไม่ได้กระตุกยิ้มมุมปาก “งั้นถึงเวลาฉันไปรับเธอนะ เครื่องบินกี่โมงเหรอ?”
“เดี๋ยวฉัถ่ายให้เธอดูนะ เธอมากับพี่ชายฉันสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...