เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 50

“เถ่หนิว เจ้ามาแล้วหรือ” เมื่อเห็นผู้มาใหม่ ลุงเสียงก็เดินเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงถามไถ่ว่า “พวกเจ้าตั้งใจว่าจะขายที่ดินผืนนี้ในราคาเท่าไหร่ล่ะ?”

เดิมทีเถ่หนิวมีรอยยิ้มประดับใบหน้า ทว่ายามหันมาเห็นกู้หมิงซวงก็พลันหดหายไป

“อย่าบอกนะว่าคนที่จะซื้อที่ดินคือพวกนาง?”

ลุงเสียงพยักหน้า

เถ่หนิวจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่ได้กำลังล้อข้าเล่นหรอกหรือ? พวกนางมีปัญญาซื้อที่ดินผืนนี้หรืออย่างไร?”

ได้ยินเช่นนั้น ลุงเสียงกับนางเฉาก็แสดงสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที

ด้านกู้หมิงซวงกลับยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามออกไปตามตรงว่า “แล้วที่ดินผืนนี้ของเจ้าราคาเท่าไหร่ล่ะ?”

“ถึงข้าบอกไป พวกเจ้าก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก พวกเจ้าไปดูที่อื่นเถอะ อย่ามาถ่วงเวลาทำมาหากินของข้าเลย”

เถ่หนิวแสดงท่าทีรำคาญ แรกเริ่มตอนเขาได้ยินว่ามีคนอยากซื้อที่ดินผืนนี้ เขาดีใจเป็นอย่างมาก จึงพาภรรยามาที่นี่ด้วย

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้มาซื้อจะเป็นครอบครัวของกู้เจ้าสาม

สภาพครอบครัวของกู้เจ้าสามเป็นอย่างไร คิดว่าเขาไม่รู้หรือ?

ขี้โรคกันทั้งบ้าน แถมยังมีลูกสาวอ้วนเทอะทะปัญญาอ่อนอีก

ถึงจะได้ยินมาว่าสตรีอ้วนผู้นี้ไม่ได้ปัญญาอ่อนแล้ว ทั้งยังออกไปประกอบกิจการค้าขายนอกบ้าน

แต่ถึงอย่างนั้นจะหาเงินได้เท่าไหร่กันเชียว อย่างมากก็คงได้วันละไม่กี่เหลี่ยงกระมัง? จักไปมีปัญญาซื้อที่ดินผืนนี้ของตนได้อย่างไร?

หลี่เถ่หนิวหาได้สนใจกู้หมิงซวงไม่ เขาทิ้งคำพูดไว้สองสามประโยค ก็เตรียมจูงมือภรรยากลับ

กู้หมิงซวงขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่เถ่หนิวจะดูถูกครอบครัวของนางถึงเพียงนี้

ขณะนั้นเอง ผู้เป็นภรรยาของเถ่หนิวก็ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ เอ่ยพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ถึงอย่างไรฝ่ายนั้นก็มาถึงที่นี่แล้ว เจ้าพูดจาอันใดกัน หากไม่รู้ข้าคงคิดว่าฝ่ายนั้นเป็นหนี้เจ้าหลายร้อยเหลี่ยงเสียแล้วกระมัง อีกอย่างชาวบ้านตาดูอยู่นะ อย่าหักหน้าอีกฝ่ายเช่นนี้สิ”

ตอนนี้เองกู้หมิงซวงถึงพึ่งสังเกตว่ามีชาวบ้านมารวมกันมุงดูอยู่ไม่น้อยเลย

เมื่อได้ยินว่าครอบครัวกู้เจ้าสามจะซื้อที่แห่งนี้ ทุกคนก็รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก

เดือนก่อน ครอบครัวของพวกเขายังตกระกำลำบาก จนบ้านแทบแตกมีคนใกล้ตายอยู่รอมร่อ

นี่เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่เอง ไม่ใช่เพียงเงยหน้าอ้าปากได้ แต่นี่ถึงขั้นจ้องจะซื้อที่ดินที่มีทำเลดีที่สุดในหมู่บ้านเชียวหรือ?

ทุกคนต่างก็อยากเห็น ว่ากู้เอ้อยาจะมีปัญญาซื้อที่ดินผืนนี้หรือไม่

“ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก ข้าคร้านจะสนทนาด้วย อีกอย่าง เจ้าหอบลูกมาเสียเที่ยวเช่นนี้ จะไม่ให้ข้าโกรธได้อย่างไร ? นี่ข้ากำลังสงสารเจ้าอยู่นะ”

หลี่เถ่หนิวลูบมือของผู้เป็นภรรยา

“หากเจ้าสงสารข้า ก็จงเก็บสีหน้าไม่เป็นมิตรของเจ้าเสีย”นางเลี่ยวใช้สายตาทิ่มแทงสามี จากนั้นก็หันกลับไปยิ้มให้กู้หมิงซวงอย่างใจดี

“เอ้อยา สามีข้าพูดอะไรไม่รู้จักคิด เจ้าอย่าถือสาหาความเลยนะ ที่ดินผืนนี้ถือได้ว่าทำเลดีที่สุดในหมู่บ้าน แม้นครอบครัวพวกข้าจะไม่อยู่อาศัย แต่ก็ไม่รีบร้อนที่จะขาย แต่ถึงอย่างนั้นหากพวกเจ้าต้องการซื้อจริงๆ ข้าให้พวกเจ้าในราคายี่สิบเหลี่ยงก็ได้”

นางเลี่ยวเองก็คิดว่าบ้านสกุลกู้ไม่มีปัญญาซื้อเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นนางก็ยังรู้จักโอนอ่อนและรักษาหน้าให้ผู้อื่น ไม่เหมือนหลี่เถ่หนิวที่มีนิสัยใจร้อนวู่วาม

ยี่สิบเหลี่ยง!

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนางเฉาพลันแปรเปลี่ยน

สตรีฝีปากร้ายเฉกเช่นหม่าซานเหนียงที่อยู่ในฝูงชนพลันเอ่ยถากถางขึ้นมาว่า “ชิ ข้าว่าแล้วเชียว ก็นึกว่ากู้เอ้อยาเก็บทองคำได้ไม่ก็โชคหล่นทับ ขายปลาเหม็นๆนั่นได้แค่ไม่กี่วัน จะมีปัญญาซื้อที่ดินของผู้นำหมู่บ้านเชียวหรือ? แต่ดูจากตอนนี้แล้ว คงแค่ทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตกระมัง เฮอะ ช่างน่าขำสิ้นดี”

แม้นหม่าซานเหนียงจะพูดไม่น่าฟังเสียเท่าไหร่ แต่ในใจของชาวบ้านตอนนี้กลับคลายความอิจฉาได้มาก

“นั่นสิ ค้าขายได้แค่ไม่กี่วัน ก็คิดว่าตนเองเป็นเศรษฐีแล้วหรือ ถึงได้กล้ามาดูที่ดินของผู้นำหมู่บ้านเช่นนี้”

"ตอนนี้ไม่มีปัญญาซื้อ คงเสียหน้าน่าดูล่ะสิท่า....."

ทุกคนต่างกล่าวถ้อยคำเย้ยหยันออกมา

“พวกเจ้าพอได้หรือยัง?!”

ลุงเสียงกัดฟันแล้วเอ่ยพูดเสียงดุ จากนั้นก็หันไปมองกู้หมิงซวงด้วยความรู้สึกผิดเต็มหน้า "เอ้อยา ขอโทษจริงๆ มันเป็นความผิดของข้าเอง....."

เขาก็พอจะเดาออกว่าที่ดินผืนนี้ไม่ใช่ถูกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะราคาสูงถึงเพียงนี้

ขณะนี้ลุงเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก กล่าวโทษตัวเองที่ไม่สอบถามให้ชัดเจนก่อน จนทำให้กู้หมิงซวงเสียหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน