เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 2

ตั้งแต่ที่บิดาของสวีจิ้นหยวนตกหน้าผาในครานั้น สองแม่ลูกตระกูลสวีก็กลายเป็นแม่หม้ายและเด็กกำพร้าพ่อ เกือบอดตายอยู่หลายหน สวีจิ้นหยวนไร้ทางเลือก จำต้องเป็นฝ่ายสู่ขอกู้หมิงซวงกับประมุขตระกูลกู้

ใครเล่าจะรู้ว่าสวีจิ้นหยวนจะสอบติดถงเซิง และกลับคำขอถอนหมั้นเสียอย่างนั้น

คิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของกู้หมิงซวงก็ทอแววเยือกเย็น

ในเมื่อนางรับช่วงต่อร่างนี้มาแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางคือเจ้าของร่าง เจ้าของร่างก็คือนาง!

หากผู้ใดกล้ามากลั่นแกล้งนาง นางก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้น!

ตระกูลสวีต่ำช้าหยาบทรามเสียขนาดนั้น วันนี้ที่นางเหยียบหน้าสวีเฟิงฉินถือว่าเบามือให้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วนางจักต้องคิดบัญชีกับคนเหล่านั้นให้จงได้

ขณะนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ดังมาจากในเรือน

ตามมาด้วย ประตูบ้านหลังเก่าทรุดโทรมที่ถูกเปิดอ้า จากนั้นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินยกโจ๊กร้อนกรุ่นออกมาจากในครัว

สตรีนางนั้นอายุราวสามสิบกว่าปีเห็นจงได้ นางสวมใส่อาภรณ์เนื้อหยาบสีตุ่น แม้นโครงหน้าจะยังดูอ่อนเยาว์ แต่สีหน้ากลับดูอ่อนเฉาทั้งยังไอออกมาเป็นระยะๆ เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่านางป่วยเรื้อรังมาหลายปี

มือคู่นั้นที่ผอมแห้งจนหนังติดกระดูกกับรูปร่างอวบอ้วนของกู้หมิงซวง พอนำมาเทียบกันแล้วยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน

ในความทรงจำ สตรีวัยกลางคนตรงหน้าคือมารดาผู้ให้กำเนิดกู้หมิงซวง มีนามว่านางเฉา

เมื่อนางเฉาเห็นว่าร่างกายของกู้หมิงซวงเต็มไปด้วยบาดแผล ซ้ำหน้าผากยังแตก บริเวณคอก็มีรอยบีบเป็นจ้ำ ดวงตาจึงพลันแดงก่ำ

นางหลงผิดคิดว่าตระกูลที่ให้กำเนิดผู้มีการศึกษาอย่างตระกูลสวีจะใฝ่ดี นางไม่คิดเลยว่าฝ่ายนั้นจะไร้เหตุผลได้มากถึงเพียงนี้

นางเฉาเช็ดน้ำตา แล้ววางโจ๊กลงบนโต๊ะหิน กล่าวเสียงกลั้วสะอื้นว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ้ากินอะไรรองท้องก่อน แม่จะไปต้มน้ำไว้ให้เจ้าอาบ”

กู้หมิงซวงก้มหน้าลง สายตาทองมองถ้วยกระเบื้องที่ร้าวเป็นรอย อดที่จะขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาไม่ได้

แม้นบอกว่าเป็นโจ๊ก แต่ในโจ๊กกลับมีแค่กระดูกหมูที่ไม่รู้ว่าผ่านการต้มมาแล้วตั้งกี่หน มีผักใส่มาแค่ไม่กี่อย่าง ไม่ต่างอะไรกับข้าวที่เอาไว้ให้หมูกิน

ตระกูลกู้นี่ยากจนเสียจริง

เมื่อนางเฉาเห็นกู้หมิงซวงมองถ้วยข้าวแน่นิ่ง ไม่ยอมหยิบจับขึ้นมากินอย่างตะกละตะกลามเหมือนยามปกติ นางจึงจับมือของผู้เป็นบุตรสาวแล้วกล่าวเสียงสะอื้นไห้ “ซวงเอ๋อร์ ไยเจ้าจึงไม่กินเล่า เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจเช่นนี้สิ….”

กู้หมิงซวงถูกนางเฉาจับมือไว้แน่น จึงยังไม่ค่อยชิน

เหตุเพราะชาติก่อนนางเป็นเด็กกำพร้า ไปไหนมาไหนตามลำพัง ไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่นของพ่อแม่เลยสักครั้ง

กู้หมิงซวงดึงมือออกมา แล้วเอ่ยพูดน้ำเสียงติดขัด “ท่านแม่ ข้าอยากไปอาบน้ำก่อน……”

เมื่อนางเฉาได้ยินบุตรสาวเปล่งเสียงพูดออกมาเสียที จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ทันได้สังเกตว่าบุตรสาวไม่ได้มีแววตาโง่เขลาเบาปัญหาอีกต่อไป แต่กลับเป็นแววตาคมกริบ

“ได้สิ เจ้าไปอาบน้ำก่อนก็ได้” นางเอื้อมมือไปลูบผมเผ้ายุ่งเหยิงของกู้หมิงซวงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็กล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้านั่งรอก่อน แม่จะไปต้มน้ำให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

กู้หมิงซวงพยักหน้า

ในยุคสมัยโบราณเช่นนี้ มักจะต้มน้ำอาบด้วยเตาถ่าน กว่านางเฉาจะผ่าฟืนเสร็จ ก็กินเวลาไปแล้วเกือบหนึ่งชั่วยาม

เมื่อเห็นไอน้ำร้อนๆพุ่งพวยจากถังไม้ กู้หมิงซวงก็อยากจะถอดอาภร์ออกแล้วหยิบขันไม้ตักน้ำราดตัวให้มันรู้แล้วรู้รอด

ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายมานานเท่าใด ในซอกเล็บถึงได้เต็มไปด้วยคราบโคลนตม ส้นเท้าอวบอัดทั้งสองข้างก็แตกย่น เล็บเท้าทั้งเหลืองทั้งคล้ำ ขี้ไคลที่สั่งสมบนผิวตัวมานานเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว แทบทำเอาเจ้าของร่างปัจจุบันเป็นลมล้มพับ

นางหยิบบวบขัดตัวที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วขัดถูร่างกายทุกซอกทุกมุมจนสะอาด เช่นนี้กู้หมิงซวงถึงได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย

แม้นตอนนี้นางไม่อาจกำจัดไขมันบนร่างกายให้หายไปได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะรักษาความสะอาดเบื้องต้นเสียบ้าง

หลังจากนี้หากมีเวลา ค่อยลดหุ่นเอาทีหลังแล้วกัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ กู้หมิงซวงก็เปลี่ยนมาใส่อาภรณ์สะอาดสะอ้าน

เมื่อเห็นว่านางเฉายังคงสาละวนอยู่ในครัว นางก็เปิดประตูเดินเข้าไปในครัวเงียบๆ

ในห้องครัวทั้งมืดทั้งแคบ กำแพงเริ่มเสื่อมโทรม ฝ้าเพดานทะลุเป็นรู

ตู้กับข้าวโล่งไร้ซึ่งข้าวปลาอาหารให้เก็บตุน

บนเต่าถ่านมีผักที่ล้างสะอาดแล้ววางอยู่บนนั้น กู้หมิงซวงเดินเข้าไปดูก็พบว่าในหม้อมีหมั่นโถวอยู่แค่สองชิ้น

อาหารมีน้อยเพียงนี้ จะไปพอกินทั้งครอบครัวได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน