เซินจือชูเดินกลับอย่างเซื่องซึม ระยะทางที่ใช้เวลาแค่ 10 นาทีแต่เธอใช้เวลาถึง 20 นาที ในวิลล่าไม่ได้เปิดฮีตเตอร์ และห้องขนาดใหญ่ก็เย็นยะเยือก
เซินจือชูเตะสะบัดรองเท้าส้นสูง แล้วเดินเซเข้าห้องน้ำราวกับว่าคนเมา เธอเปิดน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำไปได้ครึ่งหนึ่ง คนที่เมื่อวินาทีก่อนหน้านี้ยังอดทนไหว แต่วินาทีถัดมาได้ตกลงไปในอ่างอาบน้ำราวกับคนตาย น้ำร้อนกระจายไปทั่ว ส่วนตัวคนก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ชุดสีแดงยาวปกคลุมไปทั่วอ่างอาบน้ำราวกับเลือด มันยิ่งทำให้ใบหน้าของเซินจือชูขาวเป็นกระดาษ
เธอหลับตา ใบหน้าจมลงไปในน้ำ น้ำค่อยๆ เอ่อล้นเหนือศีรษะผนึกทุกความรู้สึกของเธอ การขาดอากาศหายใจเพียงชั่วคราวก็ทำให้หัวใจของเธอเหมือนเป็นอัมพาต หลังจากนั้นไม่นาน เธออดที่จะอ้าปากไม่ได้ น้ำร้อนเข้าไปในปากของเธอ และความรู้สึกคลื่นไส้ก็พุ่งออกมาจากท้องของเธอ
เซินจือชูลืมตาแดงก่ำของเธอและยกศีรษะขึ้นจากน้ำ เธอปีนตัวขึ้นมาบนอ่างอาบน้ำ ร่างกายของเธออยู่ในลักษณะนอนคลาน ท้องของเธอเหมือนมีมือมาบิดมันเอาไว้ เธอรู้สึกชาจนอ้าปาก ร่างกายส่วนบนของเธอกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เธอขย้อนน้ำกรดสีเหลืองออกมาหลังจากไม่ได้ทานอาหารตลอดทั้งวัน มันแสบจนเธอเจ็บคอ น้ำหูน้ำตาไหลออกมา
เมื่ออาเจียนออกมาจนหมด เซินจือชูขยี้ตาที่ปวดบวมของเธอมองดูเลือดที่ปะปนออกมาที่พื้น มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ ในดวงตาของเธอเต็มไปดวงความว่างเปล่า
เธอถอดชุดสีแดงของเธอและเช็ดเลือดบนพื้น เธอจะให้หลี่จิงเซินมาเห็นเลือดไม่ได้
ท้องฟ้าที่ด้านนอกเริ่มมืดแล้ว เซินจือชูเดินเท้าเปล่ากลับไปที่ห้องและล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอนอนไม่หลับ ตอนที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเธอยังนึกภาพอนาคตที่สดใสได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนมันก็เป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์
สี่ปีที่ผ่านมา เธอใช้เวลาสี่ปีเพื่อทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างไป ตั้งแต่เต็มไปด้วยความรักไปจนถึงความสิ้นหวังที่ไม่สิ้นสุด
วันนี้ เหมือนจะเป็นวันที่เธอใช้น้ำตาของชาตินี้ทั้งชาติไปหมดแล้ว เซินจือชูทาบมือบนหัวใจของเธอและเยาะเย้ยอย่างขมขื่น: เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากระเพาะเน่าไปหมดแล้ว เธอจะเจ็บไปอีกทำไมกัน?
จู่ ๆ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่น เซินจือชูตอบสนองโดยการลุกขึ้นยืนทันที เธอเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเร็วที่สุด เมื่อเธอเห็นข้อมูลผู้โทรบนหน้าจอ ก็เหมือนจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในทันที
ไม่ใช่เขา... เซินจือชูเธอคาดหวังอะไร?
เซินจือชูจ้องไปที่โทรศัพท์อย่างว่างเปล่าครู่หนึ่ง และในที่สุดก็เลื่อนนิ้วขึ้นเพื่อรับสาย
“ฉินโม่” เสียงของเซินจือชูแหบพร่าราวกับใบมีดกำลังลับกับหิน มันช่างเสียดแทงหู
ฉินโม่เติบโตมาพร้อมกับเธอตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเขาไม่ใช่ญาติกันแต่เป็นมากกว่าญาติ ตอนเด็กเธอเคยอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลฉินเป็นระยะเวลาหนึ่ง สำหรับเซินจือชูแล้ว ฉินโม่เป็นเหมือนพี่ชายของเธอ
ฉินโม่ที่อยู่ในสายเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า "จือชู ทำไมเสียงของเธอแหบแห้งขนาดนั้น? ไม่สบายเหรอ?"
“เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ เมื่อกี้เผลอหลับเสียงก็เลยแหบ…”
ยังไม่ทันที่เซินจือชูจะพูดจบ ฉินโม่ที่อยู่ในสายก็ขัดจังหวะเธอ "จือชู แม้แต่ฉันเธอก็ยังจะโกหกเหรอ? เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นหมอ? เสียงตอนเพิ่งตื่นเป็นหวัดกับเสียงที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาฉันแยกมันได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ”
เธอสำลักราวกับว่ามีก้อนหินแหลมคมขวางไว้ และเลือดก็ไหลออกมาจากปากของเธอ มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่สามารถอธิบายอะไรได้ สุดท้ายจึงทำได้แค่หัวเราะออกไปอย่างขมขื่น
ฉินโม่เอ่ยถาม "จือชูบอกฉันได้ไหมว่าทำไมเธอถึงร้องไห้?"
เซินจือชูถือโทรศัพท์ของเธอและจ้องมองที่พื้นไม้ ไม่มีใครชอบเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมากันหรอก เธอส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ได้”
ฉินโม่อึ้ง เขารู้ว่าเซินจือชูมีนิสัยแบบไหน เธอเป็นพวกดื้อรั้นหัวแข็ง ถ้าหากเธอไม่อยากพูดต่อให้เอาคีมเหล็กมาง้างปาก เธอก็ไม่ยอมพูดความจริงหรอก
ฉินโม่ทำได้แค่เปลี่ยนเรื่อง: "วันนี้ไปรับผลตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาเป็นยังไงบ้าง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้านาย อาชญากรรมของมาดามไม่ได้ถึงตาย