ตอน Chapter 9 สาวน้อยใต้เงาจันทรา จาก เจ้าสาวไร้ค่า (หน่วง/หื่น) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
Chapter 9 สาวน้อยใต้เงาจันทรา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่ เจ้าสาวไร้ค่า (หน่วง/หื่น) ที่เขียนโดย ลออจันทร์ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
Chapter 9 สาวน้อยใต้เงาจันทรา
จำไม่ได้ว่าหูเส่าหลิงส่องกระจกครั้งสุดท้ายเมื่อใด เพราะห้องนอนของนางที่เรือนสาวใช้ไม่มีกระจก ไม่มีแป้งผัดหน้า ไม่มีชาดทาปากสีแดง มีเพียงหวีเอาไว้สางผมไม่ให้พันกันเท่านั้น
หญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ มองเงาสะท้อนของตนเองจากกระจกบานขนาดกะทัดรัดในห้องหอ
‘มีน้ำมีนวล’
หญิงสาวแอบนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าใบหน้าตนเองนั้นอิ่มเอมเต่งตึงกว่าตอนอยู่ที่เรือนสกุลหู ทั้งที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาที่สกุลถางได้เพียงสามวันเท่านั้น
หรือเพราะได้กินอิ่มสามมื้อ และต้องดื่มยาบำรุง โสม และน้ำแกงต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังได้นอนหลับเต็มตาไม่ต้องฝืนตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น นางจึงดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นางใช้หวีขนหมูป่าค่อยๆ สางผมดำสลวยจดเอวอย่างช้าๆ ก่อนจะลองหยิบแป้งมาผัดหน้าอย่างนึกสนุก แล้วนำชาดมาแต้มปากเพียงน้อย ขับริมฝีปากที่มีสีชมพูระเรื่อเป็นทุนเดิมให้น่ามองขึ้นกว่าเดิม
เส่าหลิงรู้ตัวว่าเป็นหญิงงาม นั่นเพราะความงามของนางทำให้พี่น้องในสกุลหูเกลียดชังและค่อนแคะเรื่อยมา แต่ไม่คิดว่าเมื่อนางได้แต่งแต้มใบหน้าเพียงน้อย จะช่วยทำให้ใบหน้าของนางชวนมองยิ่งขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้
“เป็นความงามที่ไร้ค่า ไร้ราคา และนำภัยมาสู่ตัวข้ามากกว่าจะนำความสุขมาให้”
ดวงตาที่มองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกนั้นหม่นเศร้า หาได้ยินดีในความงามของตน อดคิดไม่ได้ว่าหากนางมีหน้าตาธรรมดาคงไม่ต้องมาพบกับความโชคร้ายเช่นนี้
ถอนหายใจแรงๆ อย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเดินออกจากห้องนอน สืบเท้าเดินเล่นชมสวนยามค่ำคืนอย่างสบายอารมณ์ เวรยามเพิ่งเดินตรวจตราผ่านไป อีกนานกว่าจะเดินกลับมาตรงนี้ อีกทั้งสาวใช้คนอื่นๆ ก็เข้านอนกันไปหมดแล้ว
ระยะหลังมานี้ค่อยดีขึ้นหน่อย สายตาเกลียดชังที่คอยจ้องมองมาอย่างจับผิดของสาวใช้และเหล่าบ่าวชายน้อยลงมาก ทุกคนเริ่มมองนางอย่างมนุษย์คนหนึ่งแม้จะมีความหวาดระแวงว่านางจะทำเรื่องเลวทรามอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
แค่นี้นางก็พอใจมากแล้ว...
นางแค่อยากมีค่าเทียบเท่ามนุษย์คนหนึ่ง อย่างที่สิ่งมีชีวิตที่เกิดเป็นมนุษย์พึงมี
หูเส่าหลิงค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ อย่างผ่อนคลาย สวนแห่งนี้เงียบสงบให้ความเป็นส่วนตัวเมื่อร้างราผู้คน หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เต็มดวงกระจ่างฟ้า แสงสีทองเรืองรองจนหมู่ดาวอับแสง ท้องฟ้าในวันนี้ไร้เมฆหมอกบดบังจันทรา
ห่อไหล่น้อยๆ ด้วยความหนาว รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ฉวยผ้าคลุมไหล่ออกมาด้วย
คนเรานี่ก็ช่างน่าขันนัก
เผลอใจไปให้กับคนที่เขาไม่มีใจให้ รู้ทั้งรู้ว่าเบื้องหน้าคือหุบเหว แต่ก็ยังกระโจนลงไปราวกับหูตามืดบอด
หูเส่าหลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวใจ ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วจู่ๆ เกล็ดหิมะขนาดเล็กก็โปรยปรายลงมาเป็นสาย เกาะพราวไปตามนวลแก้มและเรือนผม
“สวยจัง”
เกล็ดหิมะที่สะท้อนแสงจันทรางดงามจนหญิงสาวเผลอฉีกยิ้มกว้าง ยกสองมือขึ้นรับเกล็ดหิมะก่อนจะหมุนร่างไปมาในสวนอย่างมีความสุข
ยิ่งหมุนกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาวราคาถูกก็ยิ่งพลิ้วไหวไปตามแรงเหวี่ยง นางหัวเราะร่วนไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน เอี้ยวตัวไปเด็ดดอกเหมยกุ้ยสีชมพูแล้วทัดไว้ที่ข้างหู
กลิ่นหอมแสนหวานอวลอุ่นอยู่ข้างแก้มทำให้นางยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวเรียงสวย ดวงตากลมโตเล็กหยี พวงแก้มละมุนระเรื่อแดง หูเส่าหลิงปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมายังนางด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวไร้ค่า (หน่วง/หื่น)