บทที่ 1115 ชี้มือชี้ไม้
“เอ๊ะ ก็เพราะเป็นลูกสาวฉันไง ฉันจะพูดยังไงก็ได้ อย่ายุ่งน่า”
พ่อจาง “...”
ช่างเถอะ เขาไม่พูดเหตุผลกับผู้หญิงคนนี้แล้ว
“ถ้าพูดกันตามเหตุและผล ลูกสาวก็ควรจะมีความรักได้แล้ว ช่วงนี้ฉันถึงได้สนใจเรื่องนี้ไง”
พ่อจางอยากบอกเธอมากว่าให้เวลาลูกสาวสักหน่อย แต่พอคิดได้ก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะถึงอย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวย่อมใกล้ชิดสนิทสนมกว่าคนเป็นพ่ออย่างเขาซึ่งคุยกันได้แค่เรื่องบางเรื่องเท่านั้น
ตลอดทั้งวันเสี่ยวเหยียนไม่ได้ทานอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย ดังนั้นจึงไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็ลองสวมชุดดูสักหน่อย
น่าแปลกใจที่พบว่าชุดกระโปรงใส่ได้พอดีตัว ไม่ว่าจะเป็นรอบเอวหรือตำแหน่งไหล่
การออกแบบของนักออกแบบท่านนั้นออกแบบตามอำเภอใจ เขาไม่เพียงแต่ออกแบบมาสำหรับเด็กสาวเท่านั้น แต่ทำมาแค่ขนาดเดียวและผลงานของเขาทุกชิ้นก็มีเพียงหนึ่งชุดเท่านั้น ไม่มีสินค้าที่ออกแบบแบบเดียวกันเป็นชิ้นที่สองอย่างแน่นอน
เสี่ยวเหยียนค่อนข้างทึ่งที่ตัวเองสวมชุดได้อย่างพอดี นั่นก็แสดงว่ารูปร่างของเธอยังพอใช้ได้
โชคดีจัง ถ้าเธออ้วนขึ้นมาหน่อย กระโปรงจะต้องแน่นมาก
พอยิ่งคิดเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าโชคดีที่วันนี้ไม่ได้ทานข้าว ถ้าทานมากไป ท้องจะต้องนูนออกมาและพอถึงตอนนั้นก็คงน่าเกลียดมากแน่ๆ
เนื่องจากงานเลี้ยงจัดขึ้นในวันมะรืน ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเสี่ยวเหยียนจึงเข้าบริษัท
แม้จะบอกว่าให้เธอมาทุกวัน แต่ในแต่วันเธอก็ยังเข้าไปทักทายแผนกต้อนรับพอเป็นมารยาทเสียหน่อย จากนั้นถึงจะขึ้นไปชั้นบน
วันนี้ตอนที่มาถึงแผนกต้อนรับ เธอก็พบผู้หญิง 6-7 คนรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นพนักงานของบริษัทตระกูลหาน
เสี่ยวเหยียนคิดว่าน่าจะมีเรื่องอะไร เธอจึงไม่ได้เดินเข้าไปรบกวน แต่ใครจะรู้ว่ามีคนเรียกตัวเธอ
“เอ๊ะ คนส่งอาหารนี่ เธอรอเดี๋ยวสิ”
คนส่งอาหาร?
เสี่ยวเหยียนหยุดเท้าและมองไปทางต้นเสียงด้วยความแปลกใจ นี่น่าจะเป็นการเรียกเธอ?
หลังจากที่เธอกวาดตามองไปรอบๆก็พบว่าไม่มีคนส่งอาหารคนอื่นอยู่เลย
พอคิดได้ดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็ชี้นิ้วมาที่จมูกตัวเอง หญิงสาวตัวสูงที่อยู่ในกลุ่มพยักหน้าด้วยความหยิ่งยโส “ใช่ เธอน่ะแหละ มานี่ซิ”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกเธอเพราะมีธุระอะไร แต่เสี่ยวเหยียนก็เดินไปหาอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
พอเธอเดินเข้าไป ผู้หญิงทุกคนก็สำรวจมองเธออย่างไม่มีมารยาท สายตาเหล่านั้นราวกับกำลังจะกลืนกินเสี่ยวเหยียน พวกเธอมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“……”
นี่มันอะไรกัน? เสี่ยวเหยียนกะพริบตาพลางมองไปยังผู้หญิงพวกนั้นที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน
ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า เธอถึงรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านี้มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร? แต่ว่า...เธอไปล่วงเกินคนกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
กลุ่มผู้หญิงเหล่านั้นมองสำรวจเสี่ยวเหยียน อาจเป็นเพราะคำอธิบายของหญิงสาวแผนกต้อนรับนั้นเรียบง่ายเกินไปและพูดแต่ว่าจำไม่ได้ว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกเธอจึงจินตนาการเอาไว้อย่างดิบดีว่าเสี่ยวเหยียนคงจะหน้าตาบ้านๆ แต่พอเจอเสี่ยวเหยียนแล้วก็อดเจ็บใจขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากเสี่ยวเหยียนไม่ได้หน้าตาขี้เหร่แบบที่พวกเธอจินตนาการไว้จนถึงขั้นไม่ธรรมดา เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็เป็นสไตล์เรียบง่าย ดูแล้วน่าจะเป็นคนประเภทแสวงหาความสบายและพอใจในตัวเอง ไม่ใช่คนประเภทที่มีแต่เปลือกนอก แต่การแต่งกายแบบนี้ไม่ได้ทำให้เธอดูเป็นคนระดับล่างเลย ตรงกันข้ามเธอกลับดูสบายตาเป็นพิเศษ ดวงตาเฉลียวฉลาด ได้กลิ่นอายแห่งความมีชีวิตชีวา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่