บทที่139 แค่คิด
เสิ่นเฉียวได้สติกลับมาทันที เธอถูจมูกตัวเองแล้วถอยหลังไปสองก้าว
“ขอโทษนะคะพี่ใหญ่ ฉันคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆพี่ก็จะหยุดเดิน”
เย่หลิ่นหานหันกลับมามองเธอด้วยความอ่อนโยน พูดขึ้นเสียงเบา “ไม่เป็นไร เธอไม่ได้เจ็บตัวก็ดีแล้ว”
แน่นอนว่าเธอ....ไม่เจ็บ
หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลง เย่หลิ่นหานก็สั่งอาหารมากมายที่เธอชอบกิน
เสิ่นเฉียวยังคงกรีดร้องให้กับความอบอุ่นและเอาใจใส่ของผู้ชายตรงหน้า ในใจก็เริ่มรู้สึกกังวลว่าถูกจับได้ เธอมักจะคิดอยู่ตลอดว่าเธอไม่ควรจะมากินข้าวกับเย่หลิ่นหานเลย
แต่ว่าลองคิดดูอีกที พวกเธอก็แค่มากินข้าวด้วยกัน อย่างบริสุทธิ์ใจด้วย เธอเองก็ไม่มีความคิดอื่น เธอมีอะไรให้ต้องกลัวกัน?
ความคิดพวกนี้หายไปทันทีที่ปลาต้มหมาล่าถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟ
เสิ่นเฉียวชอบกินปลาต้มมาก แต่ว่าไม่มีใครมากินเป็นเพื่อนเธอ
แต่ให้เธอไปกินคนเดียวก็กินไม่หมด ดังนั้นตอนที่ได้กลิ่นที่คุ้นเคยเสิ่นเฉียวก็นึกถึงรสชาติที่ตัวเองไม่ได้กินมาหลายปี
เธอคีบเนื้อปลาชิ้นนึงมาไว้ในถ้วยของตัวเอง อยู่ๆก็พูดขึ้นยิ้มๆ “ฉันไม่ได้กินอันนี้มานานมากแล้วค่ะ พี่ใหญ่ทานเผ็ดได้หรือเปล่าคะ? กินอันนี้เป็นเพื่อนฉันไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ควันที่ลอยขึ้นมาอยู่รอบใบหน้าหล่อเหลาของเย่หลิ่นหาน ทำให้คิ้วและดวงตาคมของเขาดูอ่อนละมุนขึ้นมาในทันที รอยยิ้มของเขาเบาบาง “ไม่เป็นไร รสชาติแบบไหนก็กินได้ทั้งนั้น”
ที่เสิ่นเฉียวกถามก็เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่กินเผ็ดไม่เป็น ไม่ต้องพูดถึงรสชาติหมาล่า ยิ่งของที่เพิ่งถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้ายิ่งเผ็ดยิ่งเปรี้ยว เสิ่นเฉียวกลัวว่ากระเพาะของเขาจะรับไม่ไหว
“พี่ใหญ่ ถ้าเกิดว่าพี่ใหญ่ทานไม่ได้ก็อย่าฝืนนะคะ”
“กินเถอะน้องสะใภ้ พี่ไม่เป็นไรจริงๆ”
ตอนนี้เสิ่นเฉียวถึงได้เบาใจลง ตอนแรกเธอยังคงกินอย่างระมัดระวัง แต่ว่าหลังแอบมองอีกฝ่ายอยู่สองสามครั้ง มั่นใจว่าเขากำลังตั้งใจแกะก้างปลาออก เธอก็กินได้อย่างสบายใจ
ส่วนอีกด้าน หานเส่โยวก็กำลังเข้ามาในร้านพร้อมกับสาวๆชื่อดังอีกหลายคน
หลังจากที่จองห้องไปแล้วห้องหนึ่ง อีกสองสามคนที่เหลือก็เดินขึ้นไปด้านบนเป็นเพื่อนหานเส่โยว
ในเมืองเป่ยตระกูลหานเองก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง หานเส่โยวก็เป็นถึงสาวสวยรุ่นหลังของตระกูล ใครๆก็รู้ว่าเธอเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลหาน เพราะฉะนั้นใครๆก็ยินดีที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอ
อย่างเช่น ในตอนนี้ คุณหนูรองของบริษัทตระกูลเจียงกำลังควงแขนของหานเส่โยวอยู่ เสียงหวานเอ่ย “เส่โยวจ๋า ปลาต้มของร้านนี้น่ะดังมากๆเลยนะ ไม่รู้ว่าเธอเคยลองมากินอาหารที่นี่บ้างหรือเปล่า วันนี้ฉันเลี้ยงเอง เธอชอบกินอะไรก็สั่งได้เลย”
อาจเพราะแต่ก่อนหานเส่โยวเคยชินกับการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก ต่อให้ตอนนี้เป็นถึงคุณหนูใหญ่ แต่ว่าพอได้ยินคำพูดแบบนี้ กำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเย้ยเธออยู่ เธอเปล่งเสียงเรียบเย็นออกมา “อะไรคือเมื่อก่อนฉันไม่เคยมากินที่ร้านนี้อย่างนั้นเหรอ? คือเธอกำลังเยาะเย้ยฉันในสภาพจนๆก่อนจะมาเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหานอยู่หรือไง?”
สีหน้าของคนๆนั้นเปลี่ยนไปในพริบตา เธออธิบายเสียงอ่อน “เส่โยว ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ใครอนุญาตให้เธอเรียกชื่อของฉัน? เธอเหมาะที่จะเรียกชื่อของฉันหรือเปล่า?”
ต่อหน้าเสิ่นเฉียวหานเส่โยวก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่พอมาอยู่ตรงนี้เธอก็เปลี่ยนไปคนที่เอาแต่ใจแล้วก็ไม่มีเหตุผล ราวกับว่าเป็นคนละคนอย่างนั้น
คนๆนั้นตกใจจนไม่กล้าจะพูดอะไรอีก
หนึ่งในนั้นมีอีกคนที่เข้ามาสงบสถานการณ์ “คุณหนูหาน อย่าไปใส่ใจเธอเลยค่ะ ช่วงนี้บ้านเธอกำลังจะล้มละลาย เหมือนว่าอยากจะเอาใจคุณหนูหาน พวกเราไปกินที่ชั้น2กัน”
ดังนั้นคนๆนั้นก็เลยโดนทิ้ง คนอื่นๆก็เดินขึ้นไปยังชั้นสอง
หานเส่โยวยังคมอารมณ์เสีย ตั้งแต่วันนั้นที่เธอได้อ่านเอกสาร ในใจของเธอก็กระวนกระวายมาจนถึงตอนนี่ ปกตินิสัยของเธอเองก็ไม่ได้ดีอะไรมากอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งหนักกว่าเดิม
ตอนที่เธอเดินผ่านห้องรับรองห้องหนึ่ง หานเส่โยวก็เจอเข้ากับเงาของร่างที่คุ้นเคย
เท้าก็เธอหยุดชะงัก แล้วก็มองเข้าไปด้านใน
ที่แท้ก็คือเสิ่นเฉียว ตอนที่หานเส่โยวตั้งแต่จะก้าวเท้าออกไป คนที่อยู่ๆข้างๆก็ถามขึ้นมา “คุณหนูหาน เป็นอะไรไปคะ?”
ได้ยินแบบนั้น หานเส่โยวก็ได้สติกลับมาทันที เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
เธอเข้าไปในห้องรับรองพร้อมกับคนอื่นๆ ตอนที่นั่งลงก็นึกอะไรขึ้นได้ เมื่อกี้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสิ่นเฉียว ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ชาย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่