อ่านสรุป บทที่1552 จงใจ จาก เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ โดย สือหวู
บทที่ บทที่1552 จงใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย จีน เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย สือหวู อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่1552 จงใจ
ถางหยวนหยวนถูกเขกศีรษะไปทีหนึ่ง ทำได้แค่ยกมือขึ้นนวด แล้วเผยสีหน้าหดหู่ออกมา
“ก็ลืมไปนี่นา”
“ฉันดูก่อนว่าตอนกลางคืนจะมีเวลาเอามาส่งให้เธอหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ ถ้ามีเวลาหยวนหยวนออกไปซื้อเองก็ได้”
เมิ่งเข่อเฟยพูดอย่างมีน้ำใจว่า “ฉันพกมาสองขวดนะ ถึงเวลานั้นใช้ของฉันก็ได้”
“พี่ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ เฟยเฟยพกมา ถึงเวลานั้นฉันใช้กับเฟยเฟยก็ได้ค่ะ”
ยู่ฉือยี่ซูมองดูเด็กสาวตรงหน้าที่ไร้ความกังวลใดๆ แล้วก็ถอนหายใจในใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบศีรษะเธออีกครั้ง “อย่าตากแดดจนได้แผลล่ะ”
“อืมๆ”
ตอนที่จงฉู่เฟิงออกมา ก็ถอนหายใจทีหนึ่ง “เฮ้อ เพิ่งได้เจอกับน้องหยวนก็ต้องจากไปแล้ว ถ้ามีเวลาว่างฉันกับพี่ชายเธอจะมาเยี่ยมเธอบ่อยๆนะ”
พูดจบเขาก็ยื่นมือออกไปหมายจะไปลูบศีรษะของถางหยวนหยวนด้วย แต่พอจะยื่นมือออกไป ก็ถูกสาวตาเย็นชาของยู่ฉือยี่ซูจ้องมา มือของจงฉู่เฟิงก็เลยต้องเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ จากนั้นก็ไปหล่นอยู่ที่ศีรษะของเมิ่งเข่อเฟย
“น้องเข่อเฟย เธอก็อย่าตากแดดจนได้แผลนะ”
จงฉู่เฟิงลูบศีรษะของเมิ่งเข่อเฟยจนผมยุ่งไปหมด
แรกเริ่มนั้นเมิ่งเข่อเฟยตกตะลึงก่อน พอได้สติกลับมาก็หน้าแดงจนลามไปถึงต้นคอทันที ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“ไปแล้วไปแล้ว”
ชายหนุ่มที่ทั้งสูงทั้งผอมทั้งสองคนออกไปจากหอพักอย่างรวดเร็ว ที่ออกไปพร้อมกันยังมีพวกผู้ชายหลายคนที่ช่วยขนสัมภาระมาให้จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันด้วย
ถึงคนออกไปหมดแล้ว แต่ใบหน้าของเมิ่งเข่อเฟยก็ยังคงแดงอยู่
“เฟยเฟย ทำไมหน้าเธอถึงแดงแบบนี้” ตอนที่ถางหยวนหยวนหันหน้าไปมอง ก็เห็นว่าใบหน้ากับต้นคอของเมิ่งเข่อเฟยนั้นแดงไปหมด ก็เลยถามคำหนึ่งด้วยความสงสัย
ถ้าไม่ถามคงดีกว่า พอถามขึ้นหน้าของเมิ่งเข่อเฟยก็ยิ่งแดงกว่าเดิม “ไม่ ไม่มีอะไร”
จางเสี่ยวลู่ที่เก็บของอยู่อีกด้านพอได้ยินเข้า ก็เหลือบไปมองเมิ่งเข่อเฟยด้วยแววตาขบขันทีหนึ่ง
“แค่ลูบหัวหน่อยเดียวเธอก็หน้าแดงขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายมาก่อนเหรอ”
พอหยวนเย่าหันได้ยินเข้าก็พูดเสริมอีกคำว่า “นั่นสิ คงไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เคยมีแฟนใช่ไหม”
ถางหยวนหยวนกับเมิ่งเข่อเฟยนั้นพัฒนาการค่อนข้างช้า อีกอย่างจิตใจก็ไม่ได้เจริญเติบโตเท่าคนอื่น เมิ่งเข่อเฟยเป็นเด็กสาวที่หน้าตาค่อนข้างธรรมดา ส่วนถางหยวนหยวนถึงแม้จะน่ารัก แต่รูปร่างของเธอก็ขับไล่ผู้คนออกไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะเคยมีผู้ชายส่งจดหมายรักมาให้เธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สานต่อ
ดังนั้นทั้งสองคนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีความรักมาก่อน
อีกอย่างคุณแม่ของถางหยวนหยวนก็เคยบอกไว้ ตอนอยู่โรงเรียนห้ามมีความรัก เพราะเธอยังเด็กมาก
ถางหยวนหยวนนั้นเชื่อฟังมาก แล้วอีกอย่างเธอก็รู้สึกว่าเด็กผู้ชายไม่ได้น่ารักเท่ากับอาหารเลิศรสของเธอ อย่างไรเธอก็ชอบอาหารเลิศรส
เมิ่งเข่อเฟยส่ายหน้าด้วยใบหน้าแดงๆ “ไม่เคย หรือว่าพวกเธอจะเคยแล้ว ?”
จางเสี่ยวลู่ขำออกมาทีหนึ่ง “ฉันอยู่ม.ปลายปีหนึ่งแล้ว ก็ต้องเคยอยู่แล้วสิ”
หยวนเย่าหันเองก็หัวเราะขึ้นมาด้วย “ผู้ชายที่มาจีบพวกเรามีเยอะเลยล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น เมิ่งเข่อเฟยก็เม้มปาก ใบหน้าไม่ได้แดงขนาดนั้นแล้ว และก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
พอถึงช่วงเที่ยง เด็กสาวทั้งหลายก็พักผ่อนอยู่ในหอพัก จางเสี่ยวลู่รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากนั้นก็เสนอขึ้นว่า “ช่วงเที่ยงพวกเราออกไปกินข้าวกันไหม หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นกันต่อ”
หยวนเย่าหันพยักหน้าอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้แล้วพูดกับจางเสี่ยวลู่ว่า “เรียกถางหยวนหยวนไปด้วย”
เด็กสาวทั้งสองคนต่างก็มีบางอย่างแอบซ่อนอยู่ในใจ ต่างก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
พอถางหยวนหยวนถูกชวนแล้ว ก็รู้สึกว่าเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ทั้งสองนั้นมีน้ำใจมาก เลยตอบตกลงอย่างรวดเร็ว พอตกลงแล้วก็พูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันชวนเข่อเฟยไปด้วยนะ”
พอได้ยินเข้า จางเสี่ยวลู่ก็เบ้ปาก “ชวนเขาทำไม เธอกับเขาสนิทกันมากเหรอ”
“ไม่มีนะ พี่ชายฉันเป็นโสดมาตลอด”
“แล้วคนที่อยู่ข้างๆตอนนั้นล่ะ เป็นพี่ชายเธอเหมือนกันเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายฉัน ชื่อจงฉู่เฟิง”
“อ๋อเหรอ แล้วพี่ชายเธอชื่ออะไรล่ะ”
“พี่ชายฉันชื่อยู่ฉือยี่ซู”
“ยู่ฉือยี่ซู ?” พอจางเสี่ยวลู่ได้ยินชื่อนี้ ก็สังเกตถึงอะไรบางอย่างเข้า ไม่ใช่ว่าเป็นพี่ชายของถางหยวนหยวนหรือ ทำไมสองคนพี่น้องถึงไม่ใช้แซ่เดียวกัน หรือว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันมองตากันทีหนึ่ง สุดท้ายก็ยังเป็นหยวนเย่าหันที่เอ่ยถามขึ้น “ทำไมพี่ชายเธอถึงใช้แซ่ยู่ฉือล่ะ ?”
คำถามแบบนี้ก่อนหน้านี้มีเด็กสาวไม่น้อยที่ถามถางหยวนหยวน ถางหยวนหยวนรู้สึกมาตลอดว่าพวกเธออาจจะรู้สึกว่าแซ่ยู่ฉือของพี่ชายเธอนั้นพิเศษ ก็เลยสงสัยเพียงเท่านั้น
“เป็นแซ่ที่ไพเราะมากเลยใช่ไหม แซ่ยู่ฉือที่จริงไม่ใช่แซ่ของคุณพ่อคุณแม่หรอก พี่ชายใช้แซ่ตามคุณปู่น่ะ”
ใช่แซ่ตามคุณปู่ ก็เป็นแซ่ของคุณพ่อไม่ใช่หรือ ? ทำไมฟังดูซับซ้อนมาก หรือว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน ?
แต่พอคิดดูแล้วก็ใช่ ความรักความแค้นระหว่างตระกูลใหญ่นั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถจินตนาการได้ ไม่แน่ว่าสองคนนี้อาจจะไม่ได้มีพ่อคนเดียวกัน
“ปกติพี่ชายของเธอคงเอ็นดูเธอมากเลยใช่ไหม”
“อืม พี่ชายฉันดีกับฉันมาก ตามใจฉันมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
พอทานข้าวเสร็จ จางเสี่ยวลู่ก็เสนอให้ทุกคนไปเดินเล่นด้วยกัน เมิ่งเข่อเฟยลากถางหยวนหยวนไปด้านข้างแล้วพูดเสียงเบาว่า “หยวนหยวน ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ พวกเราไม่ไปเดินเล่นแล้ว กลับไปกันดีไหม”
ถางหยวนหยวนนับเมิ่งเข่อเฟยเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองมาตลอด พอได้ยินเธอพูดว่าเหนื่อย ก็เลยตอบตกลงทันที “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่ไปเดินเล่นแล้ว ฉันไปบอกพวกเสี่ยวลู่ก่อนนะ”
พอจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันได้ฟังแล้วก็หันไปมองเมิ่งเข่อเฟยทีหนึ่ง
“ถ้าเธอเหนื่อยแล้ว เธอก็กลับไปเองสิ เดี๋ยวฉันให้เงินค่ารถเธอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่